Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ปรมาจารย์ลัทธิมาร ซีรีส์จีนสุดฮิตแห่งปี 2019 ที่โด่งดังเป็นพลุแตกทั่วเอเชีย และอีกหลายประเทศทั่วโลก การันตีด้วยยอดวิวในจีนที่ล่าสุด (28 ธ.ค. 2564) มียอดชมทะลุหมื่นล้านวิวเป็นที่เรียบร้อย ด้วยเนื้อเรื่องที่เข้มข้น สนุก บวกกับคาแรกเตอร์ของตัวละครอย่างหลานจ้านหรือหลานวั่งจี รับบทโดย หวังอี้ป๋อ และเว่ยอิ่งหรือเว่ยอู๋เซี่ยน รับบทโดย เซียวจ้าน จนทำให้แฟนๆต้องมูฟออนกันเป็นวงกลม ดูวนไปยาวๆ แบบ 50 ตอน

โดยวันนี้(27 มิ.ย. 2564) วนกลับมาอีกครั้งเป็น ซึ่งเป็นวันครบรอบ 2 ปี ที่ซีรีส์ปรมาจารย์ลัทธิมาร หรือ The Untamed ออนแอร์เป็นวันแรกทาง workpointTODAY PLAY ก็ไม่พลาดที่จะชวน ชาวสุยเปี้ยน (ชื่อแฟนคลับซีรีส์ปรมาจารย์ลัทธิมาร) วนกลับกูซูกันอีกครั้งไปกับ 6 ฉากที่สุดแสนจะประทับใจ

“ช่างดื้อดึงยิ่งนัก” ฉากต่อสู้บนหลังคาระหว่างหลานจ้านและเว่ยอิง

ฉากนี้อยู่ตอนที่ 3 เป็นเหตุการณ์ที่เว่ยอิงแอบลักลอบเข้า กูซู (อวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่) ในช่วงกลางดึก มาพร้อมกับสุราเทียนจื้อเสี่ยว และยังทำผิดกฏของตระกูลหลานอีกหลายข้อ ทำให้หลานจ้านได้พยายามตามเว่ยอิงให้ไปรับโทษ จนเกิดประลองการต่อสู้กันบนหลังคา แต่เว่ยอิงก็ยังไม่ยอมและยังปีนขึ้นไปดื่มสุราบนหลังคา ทำให้หลานจ้านถึงกับเอ่ยปากบอกกับเว่ยอิงว่า “ช่างดื้อดึงยิ่งนัก”
แน่นอนว่าฉากนี้น่าจะสร้างความประทับใจให้กับใครหลายๆ คน ด้วยฉากที่สวยงาม บวกกับคาแรกเตอร์ทะเล้น ขี้เล่นของเว่ยอิง

“เซี่ยนเซี่ยนอายุแค่ 3 ขวบ” ความรักของ 3 พี่น้องบ้านบัว

หลังจากศึกยิงตะวันได้จบลง สามพี่น้องตระกูลเจียงได้กลับมาดูแลและบูรณะท่าเรือสัตตบงกช โดยมี เจียงเฉิง ขึ้นเป็นประมุข ซึ่งฉากนี้อยู่ในตอนที่ 24 เป็นช่วงที่เว่ยอิ่งพูดคุยกับศิษย์พี่อยู่ในหอบรรพชนถึงความรักและความห่วงใยของคนในตระกูลเจียง โดยศิษย์พี่เองได้บอกกับเว่ยอิ่งว่า “มีเพียงแค่เราสามคนเท่านั้นที่สนิทกันที่สุด”

ก่อนที่เว่ยอิงจะหลบซ่อนน้ำตาด้วยการซบลงบนหลังมือ และเปลี่ยนโหมดหันกลับมาอ้อนศิษย์จนถูกถามถึงอายุของตัวเอง ซึ่งเว่ยอิงได้ตอบกลับไปว่า “ก็เซี่ยนเซี่ยนอายุแค่ 3 ขวบ” จนกลายเป็นที่มาของอายุและเป็นฉากที่ผู้ชมอดยิ้มตามกันไม่ได้ในความน่ารักน่าเอ็นดูของเว่ยอิง รวมไปถึงความประทับใจในความรักระหว่าง สามพี่น้องบ้านบัว อย่าง ศิษย์พี่ (เจียงเยี่ยนหลี่) , เจียงเฉิง (เจียงหวั่นอิ๋น) และ เว่ยอิง (เว่ยอู๋เซี่ยน) ที่แม้เจียงเฉิงกับเว่ยอิงจะหงุดหงิดใส่กัน ไม่เข้าใจกันบ้าง แต่ความสัมพันธ์ของทั้งสามยังเหนียวแน่น รัก และสนิทกันที่สุด

“ข้าอยากพาคนผู้หนึ่ง กลับอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่ พากลับไป แล้วซ่อนเขาไว้”

ฉากนี้เรียกได้ว่าเป็นอีกฉากหนึ่งที่สร้างโมเมนต์ให้กับผู้ชมเป็นอย่างมาก ซึ่งอยู่ในตอนที่ 25 เป็นฉากบทสนทนาระหว่างสองพี่น้องตระกูลหลาน หลานซีเฉิน และ หลานจ้าน โดยหลานจ้านไปพูดประโยคหนึ่งขึ้นมาว่า “ข้าอยากพาคนผู้หนึ่งกลับอวิ๋นเซินปู้จื้อฉู่” จนทำให้ท่านพี่หลานซีเฉินถามกลับด้วยความสงสงสัย ก่อนที่หลานจ้านจะพูดต่อว่า “พากลับไป…แล้วซ่อนเขาไว้”

ซึ่งผู้ชมคงเดาได้ไม่ยากว่าหลานจ้านนั้นหมายถึงใคร แน่นอนว่าเมื่อได้ฟังประโยคนี้ทีไรทำให้หวนนึกถึงซีรีส์เรื่องนี้ทุกทีจนต้องกลับมาวนดูต่อไปอีกสัก 50 ตอน

“ในเมื่อพวกเจ้าอยากครอบครองมันนัก งั้นก็ใช้ความสามารถแยกกันเองแล้วกัน” ศึกปู๋เย่เทียน

หากถามถึงฉากที่ทำผู้ชมเสียน้ำตากันไปหลายลิตรคงมีในใจหลายฉาก รวมถึงฉากศึกปู๋เย่เทียน อยู่ในตอนที่ 32-33 หลังจากเวินหนิงและเวินฉิง สองพี่น้องตระกูลเวินได้นำคนจากตระกูลเวินมามอบตัวที่ตระกูลจิน สี่ตระกูลใหญ่จึงจัดพิธีร่วมสาบานขึ้นที่ปู๋เย่เทียน โดยสังหารคนตระกูลเวินทั้งหมด ทำให้เว่ยอิงโกรธมากจึงตามมาที่พิธีสาบาน และเกิดการต่อสู้ขึ้น

ตอนนี้คงเป็นตอนที่หนักหน่วงพอสมควร ยิ่งฉากเมื่อศิษย์พี่เสียชีวิตหลังเข้ารับกระบี่แทนเว่ยอิง ทำให้เว่ยอิงโกรธและเสียใจมาก รวมถึงมีอาการบาดเจ็บจากการใช้พลัง บวกกับคนจากหลากหลายตระกูลจ้องจะแย่งชิง ตราพยัคฆ์ทมิฬ เพื่อเอาไปครอบครอง
เมื่อเว่ยอิงเห็นดังนั้นจึงเอ่ยบอกกับบรรดาตระกูลทั้งหลายว่า “ในเมื่อพวกเจ้าอยากครอบครองมันนัก งั้นก็ใช้ความสามารถแยกกันเองแล้วกัน” และโยนออกไปพร้อมกับทำลายตราพยัคฆ์ทมิฬทิ้งในทันที

ด้วยหัวใจที่แตกสลายของเว่ยอิงจึงได้พาตัวเองมาที่หน้าผาและโดดลงไป แม้จะหลานจ้านผู้ที่คอยเฝ้ามองเว่ยอิงตลอดจะเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน แต่ด้วยอาการบาดเจ็บที่แขน ประกอบกับเจียงเฉิงที่ตอนแรกตั้งใจจะแทงเว่ยอิง กลับใจแทงไปที่หินทำให้เว่ยอิงตกใจสะบัดมือหลานจ้านออก ก่อนที่จะตกลงจากหน้าผาไป

แน่นอนว่าในช่วงแรกๆ แฟนๆ หลายคนอยากที่จะจับเว่ยอิง ทิ้งลงหน้าผาให้รู้แล้วรู้รอด เพื่อที่จะได้ข้ามไป 16 ปีให้หลัง แต่เมื่อได้ชมฉากนี้ก็ต้องเสียน้ำตากันไปเป็นแถบๆ ด้วยความเจ็บปวดของตัวละครที่บาดลึกกินใจ และฉากที่ดูสวยงาม เเละยิ่งใหญ่ ทำให้แฟนๆ ต่างประทับใจในฉากนี้ไม่แพ้กัน

โศกนาฏกรรมเมืองอี้ “นำกระบี่ซวงหัวท่องไปบนโลก”

แน่นอนว่าอีกฉากที่เศร้าไม่แพ้กัน และทำให้หลายคนยังมูฟออนไม่ได้ก็คือ ฉากเมืองอี้ที่อยู่ในตอนที่ 36-39 ซึ่งเป็นตอนที่หลานจ้านและเว่ยอิง รวมไปถึงบรรดาเหล่าเด็กๆจากหลากหลายตระกูล (หรือที่แฟนๆ ตั้งฉายาให้ว่า แก๊งค์ EDM นั้นเอง) ติดอยู่ในเมืองอี้ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกควันสีขาวทั้งเมือง

รวมไปถึงต้องคอยปมปัญหาต่างๆ ที่เต็มไปด้วยปริศนา อย่างเด็กสาวตาบอดอย่าง อาจิง คือใคร? เสี่ยวซิงเฉินมาอยู่ที่นี้ได้อย่างไร? ทำไม ซ่งหลาน ถึงกลายเป็นหุ่นเชิด? รวมไปถึงเรื่องราวความเจ็บปวดเมื่อ 10 ปีก่อนระหว่าง อาจิง เสี่ยวซิงเฉิน ซ่งหลาน และ เซวียหยาง นั้นเกิดอะไรขึ้น?

แน่นอนว่าเรื่องราวในภาคเมืองอี้เป็นอีกฉากหนึ่งที่สร้างความประทับใจ ด้วยเรื่องราวที่ต้องไขปมปริศนาต่างๆ แม้จะมีมุขตลก และความวุ่นวายบ้างในบางช่วงของบรรดาเหล่าเด็กๆและเว่ยอิง รวมไปถึงความเจ็บปวดในมุมต่างๆ ของทั้ง 4 ตัวละคร อย่าง อาจิง เสี่ยวซิงเฉิน ซ่งหลาน และ เซวียหยาง จนทำให้อยากมูฟออนเป็นวงกลมอีกฉากหนึ่ง

เสียงเรียกปริศนา “เว่ยอิง” ตอนจบที่ชวนมูฟออนเป็นวงกลม

หลังตัดสินใจแยกทางกับหลานจ้าน แล้วเว่ยอิงก็ได้ออกเดินทางท่องยุทธภพไปพร้อมกับเจ้าลาน้อยหรือเสี่ยวผิงกั่ว ซึ่งฉากตอนจบในตอนที่ 50 เว่ยอิงได้มาหยุดยืนเป่าขลุ่ยอยู่บนหน้าผา โดยเพลงที่เป่าเป็นบทเพลงหลานจ้านเคยมอบให้เว่ยอิง ก่อนที่จะเป่าจบเพลงก็ได้ยินเสียงเรียกชื่อของตนเองจากใครสักคนว่า “เว่ยอิง” ทำให้เว่ยอิงหันกลับมาตามเสียงเรียกพร้อมกับรอยยิ้มที่ค่อยๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเว่ยอิง

ซึ่งแน่นอนว่าฉากจบทิ้งปมปริศนาให้กับแฟนๆ ได้เพิ่มเติมเรื่องราวต่อกันไป จนทำให้ใครหลายๆ คนมูฟออนกันเป็นวงกลมกลับมาดูตอนที่ 1 อีกรอบ

ซึ่งทั้ง 6 ฉากนี้เป็นฉากเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นที่เราได้หยิบยกขึ้นมาบอกเล่าและชวนแฟนๆ มูฟออนเป็นวงกลมกลับไปดูซีรีส์ปรมาจารย์ลัทธิมารกันอีกสักรอบ

ขอบคุณภาพจาก

陈情令 

Wetv Thailand

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า