Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

ประเด็นคือ- เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่า หมู่เกาะลิบง ตรวจยึดพะยูนถูกฆ่าถลกชิ้นส่วนหนีหายทั้งหมด ทิ้งไว้เฉพาะหนังและลำไส้ กลางป่าโกงกาง ยืนยันขบวนการล่าพะยูนมีจริงตามที่อธิบดีกรมอุทยานฯ ออกมาให้ข่าว ขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านเชื่อ เจ้าหน้าที่จัดฉากรับการเดินทางลงพื้นที่ของอธิบดีกรมอุทยานฯ ในวันที่ 25 ต.ค. นี้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวานนี้ (22 ต.ค. 60) เจ้าหน้าที่เขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง นำโดยนายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ 12 นาย นำซากพะยูนที่เหลือเฉพาะส่วนหนังและลำไส้ ที่ตรวจยึดได้จากการที่เจ้าหน้าที่ทำการลาดตระเวนพื้นที่ เพื่อดูแลป้องกันไม่ให้มีคนล่าพะยูนในพื้นที่ตามคำสั่งของอธิบดีกรมอุทยานฯ

โดยก่อนหน้านี้มีการออกมาให้ข่าวว่า ขบวนการล่าพะยูนมีอยู่จริง ซึ่งเป็นต้นเหตุทำให้พะยูนในประเทศไทยเหลือเพียงประมาณ 200 ตัว โดยต่อมามีการระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถล่อซื้อชิ้นเนื้อของพะยูนได้จากร้านอาหารแห่งหนึ่งบนเกาะลิบง โดยการตรวจยึดชิ้นส่วนของพะยูนในครั้งนี้ เกิดจากทำงานลาดตระเวรของจ้าหน้าที่ติดต่อกัน 3 วัน 2 คืน

โดยในเวลา 16.00 น. ของวันที่ 22 ต.ค. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่พบซากพะยูนที่เหลือเฉพาะส่วนหนังและลำไส้ ถูกทิ้งแขวนไว้ในป่าโกงกาง ที่ปากคลองโต๊ะขุน หมู่ที่ 7 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง ซึ่งคาดว่าตายมาแล้วประมาณ 2 วันที่ผ่านมา พะยูนน่าจะมีน้ำหนักไม่ต่ำกว่า 200 กิโลกรัม  จึงนำกลับมาขึ้นฝั่งเพื่อนำมาแจ้งความร้องทุกข์ที่ สภ.กันตัง เพื่อติดตามหากลุ่มผู้กระทำความผิดต่อไป ส่วนซากพะยูน เจ้าหน้าที่จะนำส่งไปเก็บรักษาไว้ที่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรังต่อไป


ด้าน นายชัยพฤกษ์ วีระวงศ์ หัวหน้าเขตห้ามล่าพันธุ์สัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง กล่าวว่า  หลังจากอธิบดีกรมอุทยานฯ ออกมาให้ข่าวว่า มีการล่าพะยูนเกิดขึ้นจริง จึงได้สั่งการให้ในพื้นที่จัดชุดลาดตระเวนเฝ้าระวังป้องกัน ซึ่งทำงานมาตลอด 3 วัน 2 คืน จนเมื่อวานนี้ ช่วง 16.00 น. เจ้าหน้าที่จึงไปพบซากพะยูนซึ่งมีเฉพาะส่วนหนังและลำไส้ ที่บริเวณป่าโกงกาง ที่ปากคลองโต๊ะขุน หมู่ที่ 7 ต.เกาะลิบง อ.กันตัง จ.ตรัง จึงสามารถยืนยันได้ว่ามีการล่าพะยูน ตามที่ท่านอธิบดีฯ ได้ให้ข่าวไว้จริง แต่ไม่แน่ใจว่าขบวนการล่าพะยูนจะเอาเนื้อไปบริโภคหรือไม่

แต่ส่วนที่หายไป เช่น ส่วนหัว กระดูก เนื้อ ซึ่งเป็นที่ต้องการตามกระแสข่าวที่เคยมีมา ตามความเชื่อหายไปหมด เหลือเฉพาะหนังและลำไส้ จึงเชื่อว่าเมื่อปรากฏหลักฐานนี้ ชาวบ้านจะเชื่อได้ว่ามีขบวนการล่าพะยูนจริง ซึ่งเมื่อ 30 ปี ก่อน ชาวประมงหรือชาวบ้านมีการกินเนื้อพะยูนจริง เพราะพะยูนมีมากในทะเล จึงคิดว่าพะยูนก็เป็นปลาชนิดหนึ่ง แต่เมื่อมีการออกกฎหมายคุ้มครองในปี 2535 ทำให้เกิดกระแสการอนุรักษ์ การล่าพะยูนจึงหายไป

ส่วนที่พบก็มักจะพบซากในสภาพสมบูรณ์ เนื่องจากติดเครื่องมือประมง และในรอบ 6 ปีที่ ที่ตนมารับตำแหน่งหัวหน้าที่นี่ พบพะยูนถูกฆ่าชำแหละเนื้อจริงๆ ในวันนี้ ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่เคยพบเห็นซากพะยูนในลักษณะนี้มาก่อน และเชื่อว่าชาวบ้านทราบข่าวเรื่องนี้ก็คงจะเชื่อว่า มีขบวนการล่าพะยูนจริง

หลังจากนี้จะต้องเพิ่มความเข้มงวดและความร่วมมือจากชาวบ้านให้มากขึ้น เพื่อการป้องกัน เพราะลำพังเจ้าหน้าที่มีประมาณ 50 คนเท่านั้น มีไม่เพียงพอต่อพื้นที่ที่ต้องดูแลมากกว่า 200,000 ไร่ เป็นพื้นที่ทางทะเลแสนไร่เศษ ต้องขอกำลังสนับสนับสนุนและงบประมาณเพิ่ม

ขณะที่ชาวประมงพื้นบ้านหลายคนหลังทราบข่าวว่า เจ้าหน้าที่พบชิ้นส่วนของพะยูนถูกทิ้งไว้ในป่าโกงกาง ส่วนหัว กระดูก และเนื้อ หายไป ก็เชื่อว่าเป็นการจัดฉากของเจ้าหน้าที่ตามใบสั่งของนายอย่างแน่นอน โดยต่างตั้งข้อสังเกตว่า หากมีการล่าจริง หรือมีการลักลอบเอาเนื้อพะยูนที่ได้จากการตายเพราะเครื่องมือประมง คนร้ายจะไม่ทิ้งซากไว้ให้เจ้าหน้าที่ไปพบ แม้แต่เลือดของพะยูนก็ไม่มีให้เห็น และพื้นที่ทะเล รวมทั้งป่าชายเลนกว้างใหญ่ไพศาล คนไปพบก็น่าจะเป็นชาวบ้านที่ออกไปหาปลา หาปู ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ลาดตระเวนไปพบ จึงเชื่อว่าการพบซากชิ้นส่วนพะยูนในครั้งนี้ เกิดจากเจ้าหน้าที่ร่วมกันจัดฉาก เพื่อให้การออกให้ข่าวเรื่องขบวนการล่าพะยูน เพื่อนำเขี้ยว กระดูก และเนื้อไปขายในตลาดมืดของอธิบดีกรมอุทยานฯ มีอยู่จริง และรองรับวันที่ 25 ต.ค. นี้ ที่อธิบดีกรมอุทยานฯ จะลงพื้นที่มาชี้แจงทำความเข้าใจกับชาวบ้าน กรณีให้ข่าวเรื่องขบวนการล่าพะยูนด้วย ซึ่งหลังจากนี้จะนัดชาวประมงและชาวบ้านมาหารือร่วมกัน

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า