พี่สาววันเฉลิมเข้าให้การศาล แอมเนสตี้จี้กัมพูชาต้องไต่สวนชัดเจน-เร่งด่วน

แอมเนสตี้แถลงร้องทางกัมพูชาให้เพิ่มความพยายามในคดีวันเฉลิม และแก้ปัญหาการสอบสวนล้าช้า กต อำนวยความสะดวกให้ น.ส. สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม ผ่านกรมการกงสุล เพื่อไปตามคำเชิญศาล

วันที่ 8 ธ.ค. 2563 แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องทางการกัมพูชา ให้แก้ไขปัญหาการสอบสวนต่อการหายตัวไปของวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ อย่างรอบด้าน ไม่ลำเอียง และเป็นอิสระ  ให้ชัดเจนเร่งด่วน และเปิดเผยข้อมูลที่อยู่ ตลอดจนเยียวยาให้แก่ครอบครัว

วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมวัย 37 ปี ถูกบุคคลไม่ทราบฝ่ายลักพาตัวไปจากอพาร์ตเมนต์ของเขาในกรุงพนมเปญ เมื่อวันที่ 4 มิถุนายน (2563) โดยก่อนหน้านี้เขาถูกออกหมายจับโดยทางการไทย จากการแสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลไทย

วันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ นักกิจกรรมวัย 37 ปี หายตัวไปกว่า 6 เดือน แอมเนสตี้ชี้ว่า ทางการกัมพูชารายงานความคืบหน้าของการสอบสวน “เพียงเล็กน้อย แม้ว่ามีหลักฐานสำคัญที่มีรายงานต่อสาธารณะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ยังไม่มีผู้ใดทราบชะตากรรมและที่อยู่ของวันเฉลิม จนทำให้เกิดคำถามว่ากัมพูชาได้ปฏิบัติตามมาตรฐานการสอบสวนตามที่กำหนดไว้ในอนุสัญญาระหว่างประเทศว่าด้วยการคุ้มครองมิให้บุคคลสูญหาย (CED) ซึ่งกัมพูชาเป็นรัฐภาคีหรือไม่

 
ยามินี มิชรา ผู้อำนวยการภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า “ทางการกัมพูชาต้องรายงานความคืบหน้าในการสอบสวนให้ครอบครัวของวันเฉลิมทราบ โดยมีความโปร่งใสอย่างเต็มที่ ข้อมูลจากคำตอบของทางการกัมพูชาที่มอบให้กับองค์การสหประชาชาติชี้ว่า พวกเขาอาจได้ซักถามพยานสำคัญที่ปรากฏตัวในภาพกล้องวงจรปิด ที่ถ่ายไว้ได้ขณะที่เกิดการลักพาตัววันเฉลิมแล้ว พวกเขาจึงต้องจัดให้มีมาตรการคุ้มครองพยานทุกคนอย่างเหมาะสม เพื่อประกันไม่ให้พยานต้องถูกตอบโต้”

ระยะเวลาหกเดือนหลังการหายตัวไป หน่วยงานที่เกี่ยวข้องในกรณีนี้ ไม่มีการรายงานความคืบหน้าของการสอบสวน ทำให้ไม่สามารถทราบได้ว่าใครอยู่เบื้องหลังของการลักพาตัวและปัจจุบันวันเฉลิมอยู่ที่ไหน

ขณะเดียวกันในวันนี้  กระทรวงการต่างประเทศได้อำนวยความสะดวกให้ น.ส. สิตานันท์ สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ พี่สาวของวันเฉลิม ผ่านกรมการกงสุล และสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงพนมเปญ เพื่อให้ข้อมูลต่อผู้พิพากษา ตามคำเชิญของศาลชั้นต้นกรุงพนมเปญ อย่างไรก็ดี กระทรวงการต่างประเทศชี้ว่า ฝ่ายไทยไม่สามารถให้ความเห็นใด ๆ เกี่ยวกับคดีดังกล่าว เพราะอยู่ระหว่างการดำเนินการโดยฝ่ายกัมพูชา