Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

#explainer เจ้าหญิงแห่งเพลงป๊อป – บริตนีย์ สเปียร์ส ในที่สุดก็ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นอิสระ สามารถไปมีชีวิตของตัวเองได้แล้ว หลังโดนคุณพ่อคอนโทรลชีวิตมา 13 ปีเต็ม

เรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างไร ทำไมนักร้องเซเลบริตี้อย่างเธอ ถึงเจอดราม่ารุมเร้าขนาดนี้ workpointTODAY จะอธิบายสถานการณ์ของแฮชแท็ก #FREEBRITNEY ให้เข้าใจง่ายที่สุดใน 22 ข้อ

1) บริตนีย์ สเปียร์ส แจ้งเกิดในวงการดนตรี เมื่อปล่อยซิงเกิ้ลเพลง … Baby One More Time ในวันที่ 12 มกราคม 1999 ตอนเธอมีอายุ 17 ปี ปรากฏว่าซิงเกิลนี้ฮิตถล่มทลาย ทะยานขึ้นอันดับ 1 ของบิลบอร์ด และชาร์ทเพลง 15 ประเทศทั่วโลก พร้อมทั้งยอดขายอัลบั้มมากกว่า 25 ล้านชุด

2) จากนั้นไม่ว่าบริตนีย์ จะออกอัลบั้มอะไรมา ยอดขายก็ถล่มทลายตลอด ในชุดที่ 2 Oops! … I did it again ชุดที่ 3 Britney และ ชุดที่ 4 In The Zone มียอดขายอันดับ 1 ที่สหรัฐฯ ติดต่อกันทุกอัลบั้ม ทำให้ผู้คนต่างยกย่องว่าเธอคือป๊อปสตาร์เบอร์หนึ่ง ไม่ว่าใครก็รู้จัก นอกจากนั้นยังทำเงินได้อย่างมหาศาลอีกด้วย

3) แต่ปัญหาของบริตนีย์คือ ชื่อเสียงที่ถาโถมมาเร็วเกินไป ตอนออกอัลบั้มชุดที่ 4 เธอเพิ่งมีอายุ 20 ปีเท่านั้น เธอไม่มีชีวิตส่วนตัวใดๆ ทุกย่างก้าวโดนจับจ้องด้วยปาปารัสซี่ตลอด ส่วนคนรอบข้างก็เข้าหาเธอด้วยผลประโยชน์ ตัวอย่างเช่นบอดี้การ์ดที่เธอจ้าง แอบรับเงินใต้โต๊ะเพื่อปล่อยให้ปาปารัสซี่มาแอบถ่ายรูปเธอ จนเธอมีปัญหาสุขภาพจิต และความเครียดสั่งสม

4) เรื่องชีวิตส่วนตัว บริตนีย์ แต่งงานในปี 2004 ตอนอายุ 22 ปี กับเพื่อนสนิทสมัยเด็ก ชื่อเจสัน อัลเลน อเล็กซานเดอร์ แต่แต่งได้แค่ 3 วัน ก็หย่าร้างกัน แล้วไปแต่งงานใหม่ กับแดนเซอร์คนดัง เควิน เฟเดอร์ไลน์ที่อายุมากกว่าเธอ 4 ปี โดยบริตนีย์กับเฟเดอร์ไลน์มีลูกชายด้วยกัน 2 คน ชื่อ ฌอน เพรสตัน และ เจย์เดน เจมส์ ทว่าแต่งงานกันได้แค่ 2 ปีครึ่ง บริตนีย์ กับ เฟเดอร์ไลน์ ก็หย่าร้างกันในเดือนกรกฎาคม 2007

5) ในปี 2007 เป็นที่บริตนีย์มีความตึงเครียดมากที่สุด เธอเจอปัญหาหย่าร้างและแย่งสิทธิ์การดูแลลูก นั่นทำให้เธอน็อตหลุดและมีข่าวฉาวเกิดขึ้นรายวัน เริ่มจากเข้าไปร้านทำผมแล้วโกนผมตัวเองออกไปดื้อๆ ตามด้วยไปขับรถเฉี่ยวชนคนอื่นแล้วขับหนี สุดท้ายจึงโดนตำรวจแจ้งข้อหาชนแล้วหนี

จากนั้นเธอไปปาร์ตี้ กับปารีส ฮิลตัน แล้วโดนช่างภาพแอบถ่ายว่าเธอไม่ได้ใส่กางเกงใน ซึ่งแม้จะเป็นสิทธิ์ของเธอ แต่พอมีข่าวว่า “บริตนีย์ไม่ใส่กางเกงใน” สังคมก็มองว่าเธอสติแตก

ตามด้วยทะเลาะกับอดีตสามี เควิน เฟเดอร์ไลน์ อย่างรุนแรงที่ไม่ยอมให้เธอไปเยี่ยมลูกชาย จนไประบายด้วยการเอาร่มไปฟาดใส่รถของแดเนียล รามอส รถของปาปารัสซี่ ที่อยู่ในบริเวณนั้น

6) จากทุกเรื่องรวมกัน บริตนีย์ต้องเข้ารับการบำบัดสุขภาพจิตที่โรงพยาบาล นั่นทำให้คุณพ่อแท้ๆของเธอ เจมี่ สเปียร์ส ยื่นคำร้องกับศาลที่ลอสแองเจลิส ว่าบริตนีย์ไม่ได้สามารถจัดการชีวิตตัวเองได้ ดังนั้นขออำนาจศาลแต่งตั้งให้เขาเป็นผู้พิทักษ์ทรัพย์สิน (Conservatorship) และศาลเห็นด้วย เพราะมองว่าบริตนีย์มีปัญหาทางสภาพจิตใจที่ไม่มั่นคง

คำสั่งของศาลคือ นับจากปี 2008 เป็นต้นไป อนุญาตให้คุณพ่อเจมี่ ดูแลทรัพย์สินทุกอย่างของบริตนีย์ และสามารถตัดสินใจเรื่องสำคัญแทนได้ทั้งหมด เป็นระยะเวลาไม่มีกำหนด จนกว่าจะมีการตัดสินเป็นอย่างอื่น ส่วนรายได้ ก็ให้คุณพ่อแบ่งให้บริตนีย์ตามความเหมาะสม

7) คำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ได้รวมถึงการตัดสินใจว่าจะรับงานอะไร เซ็นสัญญาแบบไหน สิทธิ์ในการแต่งงาน สิทธิ์ในการขับรถ รวมถึงสิทธิ์ในการเลือกตั้ง คือให้ทำเสมือนว่าอีกฝ่ายเป็นคนมีปัญหาทางจิตไปเลย ซึ่งในจุดนี้ ศาลให้ความเชื่อใจคุณพ่อเจมี่ ว่าจะดูแลผลประโยชน์ของลูกสาวตัวเองอย่างดีที่สุด จึงแต่งตั้งเป็นผู้พิทักษ์ดังกล่าว

8 ) การมีคุณพ่อคอยคอนโทรล ในช่วงแรกก็ดูปกติดี บริตนีย์กลับมาทำงานเพลงอีกครั้ง เธอปล่อยงานอีก 2 อัลบั้ม จัดคอนเสิร์ตไป 248 ครั้ง และทำเงินได้โชว์ละ 500,000 ดอลลาร์ รวมถึงได้รับตำแหน่งพิธีกรรายการ X Factor อีกด้วย ก็ดูไม่มีปัญหาอะไร น่าจะราบรื่นดี รายได้ก็ทำเป็นกอบเป็นกำ

9) ในปี 2018 บริตนีย์เคยกล่าวหลังจากเดินสายคอนเสิร์ตมานานติดต่อกันหลายเดือน ว่าอยากพักแล้ว ไม่ไหวแล้ว แต่สุดท้าย คุณพ่อเจมี่ก็ไปเซ็นสัญญาว่าพร้อมจัดโชว์ชุดใหม่ ชื่อ Domination ที่ลาสเวกัส กลายเป็นว่าบริตนีย์ต้องเดินหน้าทำงานต่อโดยไม่ได้พักอย่างที่ตัวเองตั้งใจ

10) แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ นับจากปี 2008-2018 ผ่านไปแล้ว 10 ปี แต่ศาลก็ยังไม่ยกเลิกคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์ ทั้งๆที่ บริตนีย์ก็โตแล้ว อายุ 35 ปีแล้ว โดยศาลยังมองว่าเธอมีปัญหาทางจิตอยู่ ไม่พร้อมที่จะตัดสินใจอะไรได้เอง ต้องมีผู้พิทักษ์ต่อไป

11) เทสส์ บาร์เกอร์ และบาร์บาร่า เกรย์ เจ้าของพอดแคสต์ชื่อ BritneyGram ตั้งข้อสงสัยว่า “โดยทั่วไปกฎหมายผู้พิทักษ์ จะมีไว้สำหรับคนวิกลจริตที่ไม่สามารถดูแลตัวเองในเรื่องพื้นฐานได้ เช่น อาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่ แต่บริตนีย์หาเงินได้ปีละหลายล้านดอลลาร์ ไม่เข้าใจว่าทำไมเธอจึงต้องมีผู้ดูแลแบบนี้อีก”

12) สุดท้ายเรื่องก็มาแดงเอาในปี 2019 เมื่อมีชายนิรนามคนหนึ่ง ส่งคลิปเสียงไปให้พอดแคสต์ BritneyGram และถูกเอามาเปิดใน ตอนพิเศษชื่อ Emergency Episode โดยในคลิปเสียงเล่าว่า คุณพ่อเจมี่ ได้จับบริตนีย์ส่งโรงพยาบาลจิตเวช ทั้งๆที่เธอใจของเธอไม่ได้อยากไปอยู่ แต่ด้วยการโดนพ่อคอนโทรลมาตลอดชีวิต ทำให้เธอไม่กล้ามีปากเสียง แล้วพอศาลเห็นว่ายังเข้าๆ ออกๆ  โรงพยาบาลจิตเวชอยู่เป็นประจำ จึงมองว่าไม่จำเป็นต้องยกเลิกกฎหมายผู้พิทักษ์ทรัพย์

ขณะที่ตัวบริตนีย์เอง ก็ไม่เคยยื่นคำขอ ออกจากการโดนพิทักษ์ทรัพย์อย่างเป็นทางการ ทำให้ศาลก็เข้าใจว่าตัวบริตนีย์ยังโอเคกับการถูกควบคุมลักษณะนี้อยู่

13) หลังจากพอดแคสต์ EP.ดังกล่าว หลุดออกไป สาวกของบริตนีย์ที่ได้ยิน ถึงกับตกใจ เพราะบริตนีย์ไม่ได้รับอิสระอะไรเลย เธอไม่สามารถแต่งงานหรือมีลูกได้ เพราะพ่อไม่อนุญาต แถมโดนบังคับให้ทำงานหาเงินอย่างเดียว กลายเป็นเครื่องปั๊มเงินของครอบครัว จนแฟนๆ ตั้งแคมเปญชื่อ #FREEBRITNEY (ปลดปล่อยบริตนีย์ให้เป็นอิสระ) ขึ้นมา เพื่อให้เธอหลุดพ้นจากโดนพิทักษ์ทรัพย์ให้ได้

14) ในช่วงปีที่แล้ว ความเห็นของคนสหรัฐฯ แบ่งออกเป็นสองฝ่าย ฝ่ายแรกคือสนับสนุนการพิทักษ์ทรัพย์ให้มีต่อไป เพราะจากประวัติที่ผ่านมานั้น บริตนีย์นั้นเป็นพวกอารมณ์ไม่แน่นอน หากมีคนคอยจัดการทรัพย์สินให้ ก็เป็นเรื่องดี เพราะนับตั้งแต่คุณพ่อมาจัดการเรื่องสัญญาให้ รายได้ของบริตนีย์ในบัญชีก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จริงๆ

แลร์รี่ รูดอล์ฟ อดีตผู้จัดการส่วนตัวของบริตนีย์กล่าวว่า “การพิทักษ์ทรัพย์ไม่ใช่การจำคุก มันช่วยบริตนีย์ด้วยซ้ำในการจัดการธุรกิจ และตัดสินใจเรื่องสำคัญๆ ในชีวิตให้”

ในอดีตมีศิลปินหลายคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพจิต เช่นมาร์วิน เกย์ ที่สร้างชื่อเสียงโด่งดัง มีเงินร่ำรวย แต่ก็ไปเล่นยา ไปซื้อรถหรู และอสังหาริมทรัพย์แพงๆ สุดท้ายก็ล้มละลาย หลายคนก็ไม่อยากเห็นอนาคตของบริตนีย์ต้องเป็นแบบนั้น

ทุกวันนี้ บริตนีย์ก็ไม่ได้ลำบาก คุณพ่อแบ่งเงินให้เธอใช้ปีละ 470,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือ 15 ล้านบาท เพียงพอต่อชีวิตประจำวัน ส่วนเงินที่เหลือก็เก็บไว้ ในอนาคตถ้าเขาตายไป ก็จะได้มีเงินการันตีว่า บริตนีย์ น้องสาว และหลานๆ จะมีเงินไว้ใช้ตลอดจนวันสุดท้ายของชีวิต

15) ส่วนอีกฝ่าย คือฝ่ายที่อยากให้ยกเลิกการถูกพิทักษ์ทรัพย์  ซึ่งก็คือแฟนๆ กลุ่ม #FREEBRITNEY นั่นเอง โดยกลุ่มนี้มองว่า การตัดสินใจของบริตนีย์จะดีหรือจะร้ายก็ช่าง แต่เธอควรได้สิทธิ์เลือกเอง เหมือนมนุษย์ทั่วๆไป ไม่ใช่มีพ่อมาเป็นคนตัดสินใจแทนตลอดไปแบบนี้

16) เช่นเดียวกับตัวบริตนีย์เอง ก็ยอมรับว่า เธออยากมีชีวิตของตัวเอง และอยากตัดสินใจอะไรได้เอง เธอเคยกล่าวว่า “เวลาคุณเข้าคุก คุณยังรู้ว่าเมื่อไหร่จะได้ออก แต่กับสถานการณ์แบบนี้ มันไม่มีวันจบสิ้น มันเหมือนหนังเรื่อง Groundhog Day”

17) มิถุนายน 2021 หลังจากโดนคุณพ่อควบคุมมา 13 ปี เธอตัดสินรวบรวมความกล้า ยื่นคำร้องต่อศาลลอสแองเจลิส เพื่อขอยุติการพิทักษ์ทรัพย์ โดยในวันพิจารณาคดี บริตนีย์ในหลายๆ ประเด็นที่ทำให้ศาลเองก็ประหลาดใจ

– เธอถูกคุณพ่อบังคับให้ใช้สารเคมีชื่อ ลิเธียม ซึ่งมีฤทธิ์แรงมาก โดยปกติลิเธียมจะถูกใช้สำหรับคนเป็นโรคไบโพลาร์ แต่เธอไม่ได้เป็น จึงไม่เข้าใจว่าทำไมต้องใช้ยาตัวนี้ และมันทำให้เธอรู้สึกมึนงง พูดจากับใครไม่รู้เรื่อง “ไม่ว่าศูนย์บำบัดจะทำอะไร จะฉีดยาตัวไหน พ่ออนุญาตเขาหมด ครอบครัวของฉันไม่มีใครช่วยเหลืออะไรเลย”

– ด้วยกฎหมายพิทักษ์ทรัพย์ ทำให้เธอไม่สามารถแต่งงานใหม่ หรือ มีลูกได้ โดยคุณพ่อได้ฝังยาคุมกำเนิดไว้ในร่างกาย โดยให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้บริตนีย์มีลูกอีกแล้ว เพราะไม่มั่นใจว่าจะดูแลรับผิดชอบได้

– บริตนีย์สารภาพว่าโดนพ่อบังคับให้ จัดทัวร์คอนเสิร์ตในปี 2018 และโชว์ที่ลาสเวกัส ทั้งๆที่เธอไม่ได้อยากทำ

18) บริตนีย์กล่าวสรุปว่า “ฉันเคยบอกทั้งโลก ว่าฉันมีความสุข ฉันโอเค แต่ความจริงแล้วฉันทุกข์ทรมาน ไม่มีความสุข และนอนไม่หลับ ฉันอยากบอกเรื่องนี้ให้คุณได้รู้ เรื่องนี้มันรุนแรงและเสียหายกับจิตใจของฉันมาก ฉันต้องการ และคิดว่าตัวเองสมควรได้รับสิทธิของตัวเองกลับคืนมา”

“ฉันรู้สึกว่าตัวเองต้องสู้กับทุกอย่างคนเดียว มันรู้สึกเดียวดายและอ่อนแรงมาก ฉันขอเพียงแค่สิทธิเหมือนพลเมืองคนอื่น ที่จะมีลูก หรือจะทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ฉันอยากได้ชีวิตคืนมา นี่มัน 13 ปีแล้วนะ มันมากเกินพอแล้ว”

19) หลังจากศาลใช้ระยะเวลาพิจารณาราว 3 เดือน ในที่สุดวันที่ 30 กันยายน 2021 ผู้พิพากษา เพนนี เบรนด้า ตัดสินว่า จะทำการ “ยกเลิก” กฎหมายผู้พิทักษ์กับบริตนีย์ สเปียร์ส จากนี้ไปเธอสามารถตัดสินใจได้อย่างอิสระ โดยไม่ต้องพึ่งพาใครอีก

20) วิเวียน โทรีน ทนายของฝั่งคุณพ่อเจมี่ สัมภาษณ์ว่า “คุณสเปียร์ส รักลูกสาวของเขาอย่างไม่มีเงื่อนไข ผลการพิพากษาของศาลเป็นเรื่องน่าผิดหวังมาก และเอาจริงๆ มันคือความเสียหายสำหรับฝั่งบริตนีย์มากกว่า จากนี้ไป ไม่มีใครรู้ว่าบริตนีย์จะดูแลสินทรัพย์ของเธออย่างไร”

21) พอทราบผลว่าชนะคดี บริตนีย์ โพสต์รูปเปลือยของตัวเองลงในอินสตาแกรม (แต่มีเซ็นเซอร์ไว้ที่อวัยวะเพศ, ก้น, และหน้าอก) มีคอมเมนต์เข้ามาแซวว่า ตอนนี้ #FREEBRITNEY ของจริง เธอจะทำอะไรก็ได้ทั้งนั้นที่ต้องการ โดยที่จะไม่มีคนมาคอยกำกับดูแลอีก

22) เรื่องราวพิทักษ์ทรัพย์ของตระกูลสเปียร์ส ก็สิ้นสุดตรงนี้ กับความเห็นสองมุมในโลกออนไลน์ บางคนบอกว่า เพราะพ่อแม่รักถึงต้องบังคับ ไม่ให้ลูกทำลายตัวเอง แต่อีกฝ่ายก็ตอบโต้ว่า ถ้าพ่อแม่บอกว่ารักลูกจริงๆ ต้องมอบอิสระให้ลูกทำในสิ่งที่อยากทำต่างหาก ชีวิตใครก็ชีวิตมัน ไม่สามารถมาบังคับกันได้หรอก

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า