Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

วันนี้ เวลา 16.30 น. ผศ.ดร.บัณฑิต จันทร์โรจนกิจ ในนามตัวแทนกลุ่มเฝ้าระวังสิทธิพลเมือง (Civil Rights Watch) แถลงข่าวรายงานข้อสังเกตต่อการชุมนุม 7 สิงหาคม 2564 โดยชี้ว่าที่ผ่านมาเหตุการณ์การใช้กำลังกับผู้ชุมนุมมีความรุนแรงเป็นลำดับจึงจำเป็นต้องลงพื้นที่สังเกตการณ์และบันทึกแสวงหาข้อเท็จจริง

รายงานแบ่งออกเป็น 4 ส่วน ส่วนแรกทบทวนภาพรวมของการชุมนุม ข้อเรียกร้องและการปฏิบัติการ และการเตรียมการจากฝั่งเข้าหน้าที่ การเปลี่ยนจุดการชุมนุมจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สวนที่สองแสดงการปะทะที่สามเหลี่ยมดินแดง ปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ สื่อมวลชนและทีมแพทย์ ส่วนที่สามเป็นข้อสังเกตในประเด็นเรื่องสิทธิพลเมืองและสิทธิการชุมนุม ส่วนสุดท้ายเป็นข้อเสนอแนะ

พบว่ามีการละเมิดสิทธิการชุมนุมอย่างชัดแจ้ง เห็นได้จากการสลายการชุมนุมที่ถนนราชดำเนินตั้งแต่ยังไม่มีการรวมตัวกันของผู้ชุมนุม การที่มีการเคลื่อนการชุมนุมไปที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิและเดินไปบ้านพักนายกรัฐมนตรีแต่ถูกสกัดกั้น ทำใหมีการปะทะกันตั้งแต่เวลา 15.40 น.โดยประมาณ ระหว่างการปะทะมีการใช้กระสุนยางยิงเข้าสู่ผู้ชุมนุม ปรากฎการยิงแก๊สน้ำตาจากด้านบนจนหลายลูกค้างอยู่บนอาคารที่อยู่ในบริเวณใกล้ บริเวณดังกล่าวมีผู้สัญจรไปมาโดยตลอด ไม่มีการแยกผู้ชุมนุมหรือผุ้ไม่ได้มาชุมนุมทำให้เปิดโอกาสที่จะมีความไม่พอใจพัฒนาขึ้นเป็นลำดับ

ระหว่างการชุมนุมมีข้อสังเกตคือมีการรวมตัวกันของชายฉกรรจ์ไม่ปรากฏสังกัด รวมตัวกันโดยใส่หมวดก่อสร้าง และปรากฎกลุ่มคนเหล่านี้เข้าไปอยุ่ในพื้นที่และเป็นส่วนหนึ่งของการทำลายทรัพย์สินทางราชการ หากบุคคลเหล่านี้เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐยิ่งปรากฎว่าไม่เป็นไปตามหลักสากลเนื่องจากเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความรุนแรงด้วย

ปรากฏการใช้ปืนที่ยิงในระนาบไปกับพื้นถนน มีการยิงในพื้นที่สกายวอล์คของรถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งเป็นที่สัญจร เจ้าหน้าที่พยายามเข้าไปจัดการกับบุคคลที่อยู่ในสถานีบีทีเอสซึ่งเป็นที่สัญจร

ในฐานะผู้สังเกตการณ์ไม่ปฏิเสธว่ามีการใช้อาวุธจากฝั่งผู้ชุมนุม ได้แก่ หนังสะติ๊ก หัวน็อต และลูกแก้ว โดยระยะของการใช้ก็มีข้อสังเกตว่าสร้างความเสียหายในระดับหนึ่ง โดยมีข้อสังเกตว่าการใช้การโต้กลับในลักษณะนี้ได้สัดส่วนหรือไม่กับการใช้รถฮีดน้ำความเร็วสูงและการใช้กระสุนยางหรือไม่

กลุ่มฯ รวบรวมข้อเสนอแนะ โดยเห็นด้วยกับ iLaw ที่ชี้ว่าลักษณะการปฏิบัติหน้าที่ของตำรวจเป็นไปอย่างกินสมควร โดยห้ามการชุมนุมอาศัยพรก.ฉุกเฉินฉ. 30 และ ฉ.ที่ 9 ขยายอำนาจเกินขอบเขตหลักการด้านเสรีภาพในการชุมนุมตามกฎหมายระหว่างประเทศ และการใช้สิ่งกีดขวางเป้นรถโบกี้น้ำมัน ซึ่งแม้ไม่มีน้ำมันบรรจุอยู่แต่ก็เป็นวัสดุที่บรรจุวัตถุไวไฟมาก่อน การมาวางเป็นแนวกีดขวางไม่น่าจะถูกตามหลักสากล ขระที่การใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางโดยที่ผู้ชุมนุมยังไม่ได้ก่อความรุนแรงเป็นการกระทำเกินกว่าเหตุ ขณะที่แก๊สน้ำตาและกระสุนยางต้องใช้กับผู้ก่อความรุนแรงเท่านั้นแต่ปรากฎว่ามีการใช้กับประชาชนโดยทั่วไปรวมถึงผู้ชุมนุมที่ไม่ได้ก่อความรุนแรง

Civil Rights Watch มีความกังวลต่อมาตรการการจัดการต่อผู้ชุมนุม ซึ่งมีโอกาสที่จะหลีกเลี่ยงการปะทะหรือเผชิญหน้ากันได้ แต่เจ้าหน้าที่เลือกที่จะไม่เจรจาเสมอ และเรียกร้องให้หน่วยงานทั้ง กรมคุ้มครองสิทธิ คระกรรมการสิทธิมนุษยชนเข้ามาสังเกตการณ์ให้การปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างเคร่งครัด และขอให้เจ้าหน้าที่ประกาศผู้รับผิดชอบสูงสุดที่มีอำนาจการตัดสินใจตามลำดับชั้นเพื่อแสดงความรับผิดชอบกรณีเกิดความผิดพลาด และในการปฏิบัติหน้าที่ ขอให้เจ้าหน้าที่ใส่เครื่องแบบเพื่อลดความไม่ไว้วางใจระหว่างประชาชนและเจ้าหน้าที่กรณีปรากฎบุคคลใส่หมวกนิรภัยสีต่าง ๆ

ก่อนหน้านี้กลุ่ม Civil Rights Watch เริ่มดำเนินการใน 4 ส่วน ได้แก่อบรมอาสาสมัครเฝ้าระวังสิทธิพลเมือง ลงพื้นที่สังเกตการณ์การชุมนุม บันทึกและรายงานเหตุการณ์ และเขียนรายงาน โดยยึดถือหลักความเป็นอิสระไม่ขึ้นตรงกับหน่วยงานของรัฐหรือแหล่งทุนใด ๆ และหลักความร่วมมือกับกลุ่มภาคีต่าง ๆ

“พวกเราเห็นความรุนแรงพัฒนามาโดยลำดับ ตอนนั้นมีการพูดคุยกันระดับหนึ่งแล้วว่าควรไปดู และรายงานออกมา แต่ก็ไม่คิดว่าสถานการณ์จะยกระดับขึ้นมาโดยลำดับ ตั้งแต่ 16 ตุลาคม ถึง 17 พฤศจิกายน และกังวลว่าหากปล่อยสถานการ์เป็นเช่นนี้อาจมีการใช้ความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น จึงเริ่มอบรมอาสาสมัครและลงพื้นที่ตั้งแต่ 7 สิงหาคม เป็นต้นมา เพื่อบันทึกว่าการชุมนุมถูกสกัดกั้นในรูปแบบใดบ้างเพื่อสร้างความรับรู้ต่อสาธารณชนว่ามีผู้จับตามองอยู่”

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า