Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

คดีฆ่าตัดหัวในฝรั่งเศส คือเหตุการณ์ใหญ่ที่สั่นสะเทือนทั้งโลก มันไม่ใช่แค่การฆาตกรรมธรรมดา แต่มันเป็นการต่อสู้กันของจุดยืนของประเทศฝรั่งเศส ปะทะกับชาวมุสลิมทั่วโลก

เรื่องราวตอนนี้นับวันจะทวีความเดือดดาลมากขึ้นอย่างคาดไม่ถึง เหตุการณ์ตั้งแต่จุดเริ่มต้นเป็นอย่างไร และนำไปสู่บทสรุปแบบไหน workpointTODAY จะสรุปสถานการณ์ให้เข้าใจใน 20 ข้อ

1) ซามูแอล ปาตี้ อายุ 47 ปี เขาเป็นคุณครูในระดับมัธยมต้น สอนวิชาประวัติศาสตร์ ภูมิศาสตร์ และ หน้าที่พลเมือง ที่โรงเรียนบอยดูอัลเน่ ที่อยู่ห่างจากชานกรุงปารีสไปราวๆ 30 กิโลเมตร โดยซามูแอลแต่งงานแล้ว มีลูกชายวัย 5 ขวบ 1 คน

2) วันที่ 6 ตุลาคม 2020 ในวิชาหน้าที่พลเมือง ครูซามูแอลกำลังจะสอนเรื่อง “สิทธิเสรีภาพในการแสดงความเห็น” โดยเขายกประเด็น การวาดภาพล้อเลียนนบีมูฮัมหมัดจากนิตยสารชาร์ลี เอ็บโด เมื่อ 5 ปีก่อน จนทำให้มีกลุ่มมุสลิม กราดยิงใส่สำนักพิมพ์ จนมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 12 คน โดยครูซามูแอล จะเอารูปที่กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงไม่พอใจ หยิบมาสอนในคลาสเพื่อให้นักเรียนถกเถียงกันว่า คิดอย่างไรกับกรณีนี้

โดยก่อนที่จะเริ่มต้นการถกประเด็น ครูซามูแอล อนุญาตให้นักเรียนที่เป็นมุสลิมออกจากห้องเรียนไปก่อน เพราะรูปที่จะเอามาสอน อาจทำให้นักเรียนรู้สึกกระทบกระเทือนจิตใจได้ ซึ่งนักเรียนหลายคนก็ออกไป แต่มีเด็กนักเรียนวัย 13 ปี ที่เป็นชาวมุสลิมหนึ่งคน ขอนั่งอยู่ต่อในคลาส และมีโอกาสได้เห็นการ์ตูนล้อเลียนแบบเต็มๆ

รูปที่ซามูแอลเอามาเปิดให้ดู มีสองรูป หนึ่งในนั้นคือรูปการ์ตูนล้อเลียน เป็นนบีมูฮัมหมัดเปลือยกาย เห็นอวัยวะเพศชัดเจน ซึ่งในคลาสก็วิจารณ์กันไป ว่าสำนักพิมพ์ชาร์ลีเอ็บโดมีสิทธิ์หรือไม่ที่จะลงรูปลักษณะนี้ การเรียนการสอนในวันนั้นก็จบไป

3) ดราม่าเกิดขึ้นหลังเลิกเรียน เมื่อเด็กสาวมุสลิมกลับไปบอกพ่อแม่ว่าครูเอารูปล้อเลียนนบีมูฮัมหมัดเปลือยกาย เอามาคุยกันในชั้นเรียน ซึ่งทำให้พ่อแม่เดือดดาลมากๆ ว่าครูมีสิทธิ์อะไรที่จะเผยแพร่ภาพนบีมูฮัมหมัดเปลือยลักษณะนั้น ต่อหน้านักเรียนทั้งคลาส จึงมีการทำจดหมายร้องเรียนถึงกระทรวงศึกษาธิการ นอกจากนั้น พ่อของเด็กสาวยังแจ้งความว่าครูเอาภาพเปลือย มาโชว์ให้เด็กนักเรียนดูด้วย

อย่างไรก็ตามครูแจ้งความกลับฐานหมิ่นประมาท พร้อมอธิบายว่า การแสดงความเห็นได้อย่างเสรี ถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของคนฝรั่งเศส อีกอย่างเขาก็ไม่ได้ดูหมิ่นอะไร แต่มันเป็นภาพต้นตอของปัญหา ดังนั้นจึงนำภาพมาให้ดูเพื่อถกเถียงกันในชั้นเรียนเท่านั้น

4) เมื่อการแจ้งความไม่ได้ผล ทำให้พ่อของนักเรียนสาว สร้างแนวร่วมใน YouTube และ Facebook เชิญชวนให้พ่อแม่คนอื่นในชุมชนออกมาโจมตีครู นอกจากนั้นยังขอความร่วมมือกับมัสยิดในเมือง ให้ช่วยแชร์วีดีโอที่ใช้โจมตีครูซามูแอลด้วย และเรียกร้องให้ครูโดนไล่ออกจากโรงเรียน โดยการเคลื่อนไหวในโลกออนไลน์ ส่งผลให้ชาวมุสลิมในชุมชน มีความเกลียดชังครูซามูแอลมากขึ้นเรื่อยๆ

5) วันที่ 16 ตุลาคม 2020 อับดุลลาห์ อันโซรอฟ ชาวรัสเซียวัย 18 ปี ที่อพยพมาอยู่ฝรั่งเศสตั้งแต่ 6 ขวบ เจ้าตัวไม่เคยรู้จักครูซามูแอลเป็นการส่วนตัว แต่ได้เห็นโพสต์ และวีดีโอ เกี่ยวกับเรื่องนี้ในโลกออกไลน์ ดังนั้นจึงเดินทางมาไกลมากกว่า 100 กิโลเมตร มายังโรงเรียนมัธยมที่ครูซามูแอลสอนอยู่

อันโซรอฟ มาดักรอที่โรงเรียน แต่เขาไม่รู้ว่าคนไหนคือครูซามูแอล ดังนั้นจึงจ่ายเงิน 300 ยูโรให้นักเรียนสองคน เพื่อทำการชี้ตัวครูซามูแอลให้ ซึ่งพอเจอตัวครูแล้ว ในเวลา 17.00 น. เขาเดินตามครูซามูแอลไปติดๆ จากนั้นเมื่อสบโอกาส เขาเอามีดความยาว 30 เซ็นติเมตร แทงเข้าไปที่ลำตัวของครูจนเสียชีวิต จากนั้นก็เอามีดตัดหัวครูซามูแอลกลางถนนใกล้กับโรงเรียน โดยพยานที่เห็นเหตุการณ์เล่าว่า ในช่วงระหว่างการฆาตกรรม อันโซรอฟได้ตะโกนว่า “อัลเลาะห์อัคบาร์” เพื่อสรรเสริญพระเจ้า

หลังจากฆ่าเสร็จ อันโซรอฟ ได้ถ่ายรูปแล้วโพสต์ลงในทวิตเตอร์ของตัวเอง พร้อมเขียนแคปชั่นว่า “ในนามแห่งอัลเลาะห์ผู้ยิ่งใหญ่ ถึงมาครง ผู้นำของไอ้พวกนอกคอก ข้าได้สังหารหนึ่งในหมารับใช้ของพวกแก ที่กล้าดูหมิ่นองค์มูฮัมหมัด”

6) หลังจากทวีตได้ไม่กี่นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจมาถึงจุดเกิดเหตุ และพยายามจะจับกุมอันโซรอฟ แต่อันโซรอฟเตรียมอาวุธเอาไว้แล้ว เขาเอาปืนไรเฟิลพยายามยิงสู้ตำรวจ นั่นทำให้ตำรวจชักปืนยิงเขารัว 9 นัด เสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุทันที ซึ่งจากการค้นตัว หลักฐานทุกอย่างยังอยู่คามือ และมีรูปศพของครูซามูแอลอยู่ในโทรศัพท์ของของอันโซรอฟด้วย ตำรวจจับตัวไม่พลาดแน่นอน

7) นี่เป็นคดีใหญ่ที่สะเทือนขวัญประเทศฝรั่งเศสมาก ข้อแรกคือเป็นการฆาตกรรมกลางแจ้ง โดยตัดหัวด้วยมีด ซึ่งรอบๆบริเวณคือโรงเรียนมัธยม ทำให้มีเด็กๆที่เห็นเหตุการณ์มากมาย ข้อสองเป็นคดีที่มีจุดเริ่มต้นจากโลกออนไลน์ เพราะฆาตกรไม่รู้จักกับเหยื่อเป็นการส่วนตัว แต่เพราะได้เห็นข่าวในโซเชียลมีเดียจึงตามมาสังหาร และข้อสาม ครูซามูแอลโดนสังหารเพราะสอนให้เด็กนักเรียนได้เรียนรู้ถึงสิทธิ์ในการแสดงความเห็น ถ้าหากแค่เปิดพื้นที่ให้คุยกันแล้วยังโดนฆ่า แบบนี้ประเทศจะเดินหน้ากันได้อย่างไร

ในเบื้องต้นตำรวจได้สอบปากคำ และเตรียมลงโทษทุกคนที่เกี่ยวข้องทั้งพ่อของเด็กสาวในคลาส อิหม่ามสอนศาสนาที่เผยแพร่คลิปวีดีโอที่สร้างความเกลียดชังให้ครู รวมถึงเด็กนักเรียนที่รับเงินฆาตกรมาชี้เป้าครูซามูแอลด้วย

8) วันที่ 18 ตุลาคม 2020 สองวันหลังการฆาตกรรม ทั่วประเทศฝรั่งเศส ได้มีการชุมนุมกันโดยไม่ได้นัดหมาย ในทุกเมืองใหญ่ โดยคนชุมนุมทำป้ายขึ้นมาว่า “ฉันคือซามูแอล” เพื่อแสดงความเสียใจกับการจากไปของครูมัธยม ที่พยายามทำหน้าที่ของตัวเอง

9) นาตาลี คุณครูรายหนึ่งที่ร่วมชุมนุมในกรุงปารีสได้กล่าวว่า “ในยุคนี้คุณไม่รู้ตัวหรอก ว่าสอนหนังสืออยู่ก็อาจตายได้เหมือนกัน” ขณะที่ผู้ชุมนุมอีกรายกล่าวว่า คำขวัญของฝรั่งเศส คือเสรีภาพ ความเสมอภาค และภราดรภาพ ซึ่งคำว่า “เสรีภาพ” คือคำแรกสุดด้วยซ้ำ แปลว่าชาวฝรั่งเศสควรมีสิทธิเสรีภาพที่จะแสดงออกอย่างไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการ

10) วันที่ 20 ตุลาคม 2020 ประธานาธิบดีเอ็มมานูแอล มาครง กล่าวคำสดุดีแก่การจากไปของครูซามูแอล โดยกล่าวว่า “ชาติอื่นจะคิดอย่างไรก็แล้วแต่ แต่ฝรั่งเศสจะสู้เพื่อเสรีภาพ เราจะไม่ห้ามคุณวาดการ์ตูน หรือวาดภาพใดๆ ทั้งสิ้น”

“ประชาชนของเราต้องถูกปกป้องจากอสูรร้าย นั่นคือพวกมุสลิมหัวรุนแรง ซามูแอล ปาตี้ ถูกสังหารเพราะพวกอิสลามหัวรุนแรงต้องการแย่งชิงอนาคตไปจากพวกเรา แต่พวกเขาไม่มีวันจะทำแบบนั้นได้”

11) วันที่ 21 ตุลาคม 2020 เมืองต่างๆในฝรั่งเศสเช่น มงต์เปลลิเยร์ และ ตูลูส แสดงจุดยืนเรื่องเสรีภาพเต็มที่โดย ฉายภาพนบีมูฮัมหมัด ที่ถูกล้อเลียนโดยนิตยสารชาร์ลีเอ็บโด ขึ้นโปรเจ็กเตอร์ยักษ์กลางเมือง ซึ่งทำให้ชาวมุสลิม แสดงความไม่พอใจฝรั่งเศสมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เผยแพร่นบีมูฮัมหมัดในเชิงล้อเลียนแบบนั้น

12) เอ็มมานูแอล มาครง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส กล่าวว่า “อิสลามเป็นศาสนาที่มีความเกี่ยวข้องกับวิกฤติและความขัดแย้งทั่วโลก ซึ่งมันไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในประเทศเราเท่านั้น เราไม่เชื่อหรอก ว่าองค์กรอิสลามจะไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง ในเรื่องความขัดแย้งต่างๆที่เกิดขึ้นในโลก ณ เวลานี้” ซึ่งการกล่าวลักษณะนี้ ทำให้มาครงเป็นผู้นำในชาติยุโรปชาติแรก ที่ใช้คำที่ตรงไปตรงมาถึงมุสลิมขนาดนี้

นอกจากนั้น มาครงยังพูดอีกหลายประเด็น เช่นจะมีการคุมเข้มชุมชนมุสลิมทั่วฝรั่งเศส มีการผลักดันกฎหมายเพื่อป้องกันเหตุสะเทือนขวัญไม่ให้เกิดขึ้นอีก รวมถึงจะมีการต่อสู้กับมุสลิมที่ต้องการแบ่งแยกดินแดน ที่สร้างปัญหาให้ฝรั่งเศสตอนนี้

13) การแสดงความชัดเจนที่จะคุมเข้มมุสลิม ส่งผลให้เขาได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากประชาชนฝั่งขวาที่ฝรั่งเศส แต่ก็มีการวิจารณ์ว่า อีกหนึ่งสาเหตุที่มาครง ต้องแสดงจุดยืนขนาดนี้ เพราะในเดือนเมษายนปี 2022 จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีฝรั่งเศส ดังนั้นการเขาจำเป็นต้องสร้างฐานเสียงจากกลุ่มชาตินิยมให้มากกว่านี้ ถ้าต้องการจะเอาชนะ มารีน เลอเพน อีกหนึ่งแคนดิเดทที่พร้อมจะโค่นบัลลังก์ของเขา

14) อย่างไรก็ตาม การพูดถึงอิสลามในเชิงรุนแรง โดยเฉพาะคำว่า “เป็นศาสนาที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งทั่วโลก” สร้างความเดือดดาลให้ประเทศที่นับถืออิสลามเป็นอย่างมาก ประธานาธิบดีของตุรกี ทายยิป เออร์โดกัน ออกมาโจมตีใส่มาครงอย่างดุเดือดว่า

“มาครงเขามีปัญหาอะไรกับอิสลาม และชาวมุสลิมงั้นหรือ เขาต้องเข้ารับการบำบัดจิตบ้างนะ ไม่มีอะไรจะแย่ไปกว่าผู้นำรัฐที่ไม่เชื่อเรื่องเสรีภาพในการนับถือศาสนา เขาจะแสดงออกแบบนี้ในประเทศของตัวเอง ที่มีคนนับถือหลากหลายศาสนาอย่างนั้นหรือ?”

“แต่ผมก็ไม่เคยให้เครดิตอะไรจากฝรั่งเศสอยู่แล้ว สินค้าแบรนด์ของฝรั่งเศส ขอให้ประชาชนอย่าไปซื้อของพวกเขาละกัน”

15) จากคำพูดของเออร์โดกัน ยิ่งเป็นชนวนให้ชาวมุสลิมแสดงความเดือดดาลใส่ฝรั่งเศส มีการตั้งแฮชแท็ก #BoycottFrance และ #boycottfrenchproducts จนติดเทรนด์ของโลก รวมถึงมีการทำกราฟฟิกขึ้นมา เพื่อแนะนำให้ชาวมุสลิมหลีกเลี่ยงสินค้าแบรนด์ไหนบ้าง

สินค้าตั้งแต่ชิ้นเล็กๆ เช่นน้ำแร่ Evian, กะทะ Tefal, เครื่องสำอาง Loreal, Garnier รวมไปถึงของชิ้นใหญ่ๆเช่นยางรถยนต์ Michelin, รถยนต์เปอโยต์ หรือ โรงแรม ibis ต่างถูกปักป้ายไม่ให้ชาวมุสลิมใช้สินค้าเหล่านี้ เพราะเป็นแบรนด์ของฝรั่งเศส

16) ที่คูเวต มีการเก็บสินค้าของฝรั่งเศสจนหมดเชลฟ์ ตามด้วยซูเปอร์มาร์เก็ตที่จอร์แดนก็เก็บสินค้าจากฝรั่งเศสออกจากชั้นวางจำหน่ายเช่นเดียวกัน รวมถึงซูเปอร์มาร์เก็ตในอีกหลายๆประเทศ ก็เริ่มไม่ขายสินค้าจากฝรั่งเศสกันแล้ว

ความเห็นหนึ่งจากชาวมุสลิมในโลกออนไลน์ระบุว่า “ฉันจะไม่ซื้อสินค้าของฝรั่งเศสอีกต่อไป จนกว่าพวกเขาจะได้รู้ว่า เสรีภาพในการแสดงออกของพวกเขา มันทำร้ายเกียรติยศของนบีมูฮัมหมัด ถ้าพวกเขาอยากพูดก็พูด แต่ฉันก็จะไม่ซื้ออะไรอีกเลย มันก็แฟร์ดี!”

17) อิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีของปากีสถาน เขียนจดหมายถึงมาร์ก ซัคเคอเบิร์ก ซีอีโอของเฟซบุ๊กว่า ถ้าเห็นคอนเทนต์ไหน ที่มีการลบหลู่ศาสนาอิสลาม กรุณาช่วยแบนให้หมด

18) ขณะที่ชาวมุสลิมในลิเบีย กล่าวว่า “ในฐานะคนนับถืออิสลามมันเป็นหน้าที่ของเราที่ต้องปกป้อง ท่านนบีมูฮัมหมัด และเราก็หวังให้คนศาสนาอื่นทำแบบเดียวกับเราด้วยนั่นคือช่วยปกป้องท่านนบี สิ่งที่ฝรั่งเศสทำ คือการป้ายสีมุสลิมให้เป็นปีศาจ วิธีนี้ไม่สร้างความสงบสุขให้ฝรั่งเศสหรอก” โดยที่ลิเบีย รวมถึงที่เลบานอน มีการเผาธงชาติฝรั่งเศส และเผารูปเอ็มมานูแอล มาครงกันหลายๆจุดทั่วประเทศ

19) ทางฝั่งประเทศมุสลิมโจมตีมาครงอย่างหนัก แต่ตรงข้ามกับชาติในยุโรป ที่ออกมากล่าวชื่นชมจุดยืนของฝรั่งเศส ที่ตัดสินใจจะจัดการมุสลิมหัวรุนแรงอย่างเด็ดขาดขนาดนั้น ตัวอย่างเช่น คีเรียกอส มิทโซทาคิส นายกรัฐมนตรีของกรีซกล่าวว่า “ผู้นำตุรกี ใช้คำพูดที่สร้างความเกลียดชังให้ประเทศฝรั่งเศส เรื่องนี้เป็นสิ่งรับไม่ได้ มันเป็นการเติมเชื้อไฟให้รุนแรงขึ้น”

เช่นเดียวกับฝั่งเยอรมัน โดยไฮโค แมส รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศได้กล่าวว่า เบอร์ลิน พร้อมยืนเคียงข้างอย่างมั่นคงกับปารีส เช่นเดียวกับผู้นำออสเตรีย ก็กล่าวสนับสนุนเรื่องเสรีภาพของประเทศฝรั่งเศส

20) ในเรื่องนี้ ยังไม่มีทีท่าว่าจะจบง่ายๆ เพราะเป็นการต่อสู้กันของฝรั่งเศส กับชาติมุสลิม โดยฝรั่งเศสประกาศจุดยืนคือเสรีภาพในชาติของตัวเองสำคัญที่สุด ทุกคนมีสิทธิ์แสดงออกได้ทุกอย่าง ขณะที่ฝั่งมุสลิมก็ยอมไม่ได้ ถ้าหากนบีมูฮัมหมัดจะโดนดูหมิ่นหรือหยามเกียรติ ซึ่งก็จะตอบโต้ด้วยการแบนสินค้าจากฝรั่งเศส

นี่เป็นประเด็นที่ใหญ่มากขึ้นในทุกๆวัน จากจุดเริ่มต้นที่การเรียนการสอนในคลาส กลายเป็นประเด็นใหญ่ที่อิมแพ็กต์ไปถึงทั้งโลก สำหรับฝรั่งเศสเองก็อยู่ในสถานการณ์ที่กระอักกระอ่วนเช่นกัน เพราะฝั่งหนึ่งคือจุดยืนเรื่องเสรีภาพของประเทศตัวเอง แต่อีกด้านก็คือผลประโยชน์มหาศาลของภาคธุรกิจ ซึ่งก็ยังไม่สามารถคาดเดาได้ว่าฝรั่งเศส จะจัดการกับดราม่านี้ได้อย่างไร

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า