ผลกระทบสังคมสูงอายุ ค่าใช้จ่ายสุขภาพคนไทย อาจพุ่งถึง 1.4 ล้านล้านบาท ในอีก 15 ปี

ในอนาคตอีก 15 ปีข้างหน้า ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทยอาจพุ่งขึ้นอีก 3 เท่าตัว จากปัจจุบันประมาณ 4 แสนล้านบาทต่อปี เป็นกว่า 1.4 ล้านล้านบาทต่อปี และอาจส่งผลต่อความยั่งยืนของระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าของไทย ทางออกของสถานการณ์ดังกล่าวอาจคือการพยายามหาทางลดค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของไทยลง ด้วยการป้องกันโรคและส่งเสริมสุขภาพ

งานศึกษา เรื่อง “การประมาณค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของการสร้างเสริมสุขภาพ” ของ ดร.ณัฐนันท์ วิจิตรอักษร จากสถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือ TDRI ได้ระบุว่า ในอนาคตอีก 15 ปีข้างหน้า หากประเทศไทยเข้าสู่การเป็นสังคมผู้สูงอายุ ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทยอาจสูงขึ้นไปอยู่ที่กว่า 1.4 ล้านล้านบาทต่อปีได้ 

โดยสาเหตุหลักมาจากการที่ค่ารักษาพยาบาลจากทั้ง 3 กองทุนสุขภาพของไทย (สิทธิ์ข้าราชการ, ประกันสังคม และหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า) ในส่วนของโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง เช่น โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคเบาหวาน โรคระบบทางเดินหายใจ จะพุ่งสูงขึ้นไปพร้อมกับการเป็นสังคมผู้สูงอายุ

ทั้งนี้ หากค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของไทยพุ่งสูงถึง 1.4 ล้านล้านบาท/ปี ตามการคาดการณ์ของนักวิจัยจาก TDRI จริง ก็แปลว่าในช่วงเวลาอีกเพียง 15 ปีนับจากนี้ ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทยจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็นประมาณ 3 เท่าจากปัจจุบัน โดยข้อมูลล่าสุดจากสภาพัฒน์ฯ ระบุว่าค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของคนไทยตลอดปี 2561 อยู่ที่ 388,954 ล้านบาท เมื่อดูแนวโน้มค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพของไทยย้อนหลัง 10 ปี ก็จะเห็นว่าในอนาคตอันใกล้ตัวเลขค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพจะพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วในอนาคต

นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ได้ให้ข้อมูลกับทีมข่าวเวิร์คพอยท์ว่า ในสถานการณ์เช่นนี้ ที่ค่าใช้จ่ายด้านสุขภาพกำลังจะสูงขึ้น ทางแก้ที่จะทำให้ระบบหลักประกันสุขภาพยั่งยืน ก็คือการต้องพยายามมุ่งส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคให้ประชาชน เพื่อลดดค่าใช้จ่ายด้านการรักษาพยาบาลในอนาคตลง

“องค์การอนามัยโลกพิสูจน์แล้วว่า ระบบสุขภาพจะยั่งยืนได้ แล้วมีค่าใช้จ่ายต่ำ ในแง่ของประสิทธิภาพที่สูง ต้องทำเรื่องงานส่งเสริมสุขภาพป้องกันโรค” เลขาธิการ สปสช. ระบุ