Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

#explainer ดราม่านักแสดงสุดฮอตชาวเกาหลีใต้ คิม ซอน-โฮ โดนแฟนเก่าแฉยับ จนต้องออกมาแถลงการณ์ขอโทษ จนทำเอาภาพลักษณ์ของหนุ่มอ่อนโยนใจดี เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

แฟนเก่าของคิม ซอน-โฮ แฉเรื่องนี้ ลงในเว็บ Nate โดยแทนตัวคิม ซอน-โฮ ว่า นักแสดง K บทความทั้งหมดในภาษาเกาหลี workpointTODAY เรียบเรียงทั้งหมดออกมาเป็นภาษาไทย เพื่อที่ทุกคนจะได้เข้าใจตั้งแต่ต้นจนจบว่าเกิดอะไรขึ้น

โดยในบทความดังกล่าวที่เขียนโดย คนที่อ้างว่าเป็นแฟนเก่าของคิม ซอน-โฮ มีเนื้อหาดังนี้

“ฉันเป็นแฟนเก่าของเขาค่ะ

ถ้าหากมันเป็นแค่เรื่องนิสัยแย่ๆ ในช่วงที่เราเคยคบกัน รับรองได้เลยว่าฉันจะไม่เสียเวลาออกมาแฉความจริงในครั้งนี้แน่ๆ แต่ที่ฉันออกมาพูด เพราะทนไม่ได้ที่ต้องเห็นเขาหน้าจอทีวีทุกวัน กับภาพลักษณ์ที่ดีเลิศแบบนั้น

ในฐานะผู้หญิงคนหนึ่ง ฉันยอมรับความเสี่ยงทุกอย่าง ที่จะเปิดเผยเรื่องส่วนตัวครั้งนี้

ความเจ็บปวดของฉันที่มีกับเขาไม่ใช่เพียงแค่เลิกรากัน แต่เขายังเป็นคนบังคับให้ฉันเอาทารกในท้องของฉันออกไปด้วย

ตอนที่ฉันตั้งครรภ์ เขาหลอกฉันให้ไปทำแท้ง โดยบอกว่าจะแต่งงานด้วย เขาไม่อยากมีลูก เพราะเขากำลังจะมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นสตาร์และไม่พร้อมจะเสียสละชื่อเสียงเพื่อมารับผิดชอบเรื่องนี้ สิ่งที่เขาบอก สิ่งที่เขาทำ มันทำร้ายจิตใจของฉันอย่างรุนแรง จนส่งผลต่อสภาพร่างกายด้วย

ฉันเคยดูข่าวเรื่องนักแสดง คิม ยอง-กัน ที่ไปทำผู้หญิงอายุน้อยกว่าตั้งท้อง และบังคับให้อีกฝ่ายไปทำแท้ง แต่อย่างน้อยเขาก็แสดงความรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเอง หรือแม้แต่สมาชิกไอดอลวงหนึ่งที่ตั้งครรภ์ ฝ่ายชายก็ยังรับผิดชอบความผิดพลั้งด้วยการแต่งงาน

แต่ผู้ชายคนนี้ที่ฉันเคยรัก เขาคือเศษขยะดีๆ นี่เอง ในขณะที่คนอื่นๆ มองว่าเขาเลิศเลอเป็นเทพบุตร แต่เขาเป็นพวกไม่มีจิตสำนึกถึงความผิดใดๆ ทั้งสื้น

เขาโน้มน้าวให้ฉันไปเอาเด็กออก โดยหลอกล่อด้วยคำสัญญา แต่ฉันมาพบความจริงภายหลังว่าเขาเป็นเศษขยะยิ่งกว่าที่ฉันเคยคิดเสียอีก

ตอนนี้เราเลิกกันได้ 4 เดือนแล้ว แต่เชื่อไหม ว่าฉันยังหวังว่านักแสดง K จะกล่าวคำขอโทษกับฉันด้วยใจจริง

สำหรับ นักแสดง K เขาคนนี้ เป็นคนที่รักการแสดงอย่างมาก แต่เพราะการมีภูมิหลังในวัยเด็กที่ยากลำบาก ทำให้เขาโหยหาแต่เงิน และเห็นแค่เงินสำคัญที่สุด เขาไม่ลังเลที่จะสละคนรอบตัวเขาเพื่อไต่ขึ้นไปหาความสำเร็จในชีวิต ฉันเคยคิดว่าฉันอาจเป็นข้อยกเว้นสำหรับเขา แต่ความจริงก็เปิดเผย หลังจากเราเลิกกัน ไม่มีคำขอโทษใดๆ ออกมาจากเขาทั้งสิ้น นั่นเพราะสิ่งที่เขาสนใจมีแต่เรื่องเงิน เรื่องการถ่ายโฆษณา และเรื่องการไต่ขึ้นไปเป็นสตาร์ระดับแถวหน้าของประเทศ

ความสัมพันธ์ของเราเริ่มต้นตั้งแต่ ต้นปี 2020 เราคุยกันเยอะมากใน Kakao Talk และเชื่อไหม หลายๆครั้ง ฉันถูกขอให้ลบข้อความในแชทออก ด้วยเหตุผลต่างๆ มากมาย แต่แปลกดีที่ฉันยังเก็บมันไว้ และไม่เคยลบบทสนทนาออกไปเลย

เวลาฉันอ่านเรื่องราวของคนอื่นที่ท้องโดยไม่ได้ตั้งใจ ฉันก็คิดตลอดนะ ว่าทำไมเขาไม่คุมกำเนิดให้ดี อย่างตัวฉันเองจะกินยาคุมตลอด ในช่วงเวลาที่เราคบกัน แต่จะมีอยู่ช่วงสั้นๆ ราว 1-2 เดือน ที่ฉันไม่ได้กินยาคุมเพราะรู้สึกไม่ค่อยสบาย ดังนั้นฉันจึงบอกเขาว่าให้ใช้ถุงยางอนามัยแทนได้ไหม

วันหนึ่งระหว่างที่มีอะไรกัน เขาบอกฉันว่าอยากจะหลั่งใน ฉันนับวันแล้ว มันเป็นวันปลอดภัยพอดี มันเป็นแค่ครั้งเดียวเท่านั้นที่ฉันยอม และผลลัพธ์ก็คือ ฉันตั้งครรภ์กับนักแสดง K ในช่วงเดือนกรกฎาคมปี 2020

ความจริงแล้ว ฉันรู้สึกกลัวมาก ความรักที่หลบซ่อนแบบนี้ มันยากไปหมด เราไม่สามารถจับมือกันแล้วเดินเที่ยวกันได้ เหมือนคู่รักทั่วไปด้วยซ้ำ แล้วแบบนี้เขาจะแสดงความรัก หรือเลี้ยงเด็กในท้องของฉันได้ยังไง

ฉันคุยกับเขาว่า งั้นฉันยอมเสียสละตัวเอง จะเลี้ยงเด็กคนนี้ด้วยตัวเองแบบลับๆ ส่วนเรื่องสูติบัตรใดๆ ฉันจะจัดการเองหลังคลอดทั้งหมด

ตั้งแต่เด็กแล้วที่ฉันมีปัญหาเรื่องมดลูก หมอบอกว่าฉันเป็นคนมีลูกยาก ดังนั้นตอนฉันไปปรึกษาหมอเรื่องการตั้งครรภ์ คุณหมอบอกว่า “ผมหวังว่าคุณจะเก็บเด็กคนนี้ไว้นะ เพราะถ้าทำแท้งตอนนี้ คุณอาจไม่มีวันได้ตั้งครรภ์อีกแล้ว”

จริงๆแล้วฉันเองก็กลัวการท้องนะ แต่ถ้าคนที่ฉันรักคอยให้กำลังใจ ฉันก็คิดจริงๆ ว่าจะผ่านมันไปได้ แล้วเอาจริงๆ มีผู้หญิงคนไหนในโลกบ้างที่ไม่อยากมีลูกกับคนที่ตัวเองรัก

ฉันตัดสินใจติดต่อนักแสดง K แล้วบอกว่าคุณหมอแนะนำให้เก็บเด็กเอาไว้ เพราะฉันอาจจะไม่มีวันตั้งท้องได้อีกแล้วถ้าทำแท้ง สิ่งที่ฉันคาดหวังคือความรับผิดชอบ เหมือนผู้ชายคนอื่นๆ ที่เขาจะรับในสิ่งที่ตัวเองทำ แม้จะไม่ได้ตั้งใจก็ตาม

ในแชทเขาเหมือนจะพูดจาดี เหมือนจะรับผิดชอบทุกอย่าง แต่พอเจอตัวกันจริงๆ ทุกอย่างกลับเป็นคนละเรื่อง ฉันยังแคปบทสนทนาอันดีเลิศของเขาไว้อยู่เลยนะ

ตอนนั้นเขาถ่ายละครอยู่ พอถ่ายเสร็จก็กลับบ้านแล้วมาอยู่ด้วยกัน 2-3 วัน เขาพยายามอย่างมากที่จะโน้มน้าวให้ฉันไปทำแท้งให้ได้ ในเวลานั้นฉันท้องได้ 6-7 สัปดาหฺ์แล้ว ท้องก็เริ่มโตให้เห็นแล้ว ฉันบอกเขาว่าฉันเริ่มเจ็บท้อง แต่เขาไม่ได้สนใจ เขาบอกว่า “ไหนๆ คุณก็ท้องแล้ว งั้นผมแตกในอีกรอบได้ไหม” เขาบังคับให้ฉันมีเซ็กส์กับเขา และคราวนี้เขาไม่ใช้ถุงยางอนามัยด้วย โดยเขาบอกกับฉันว่า เราสองคนพร้อมเป็นครอบครัวกันแล้วตอนนี้

หลังจากมีเซ็กส์กันเสร็จ เขายังยืนยันคำเดิมเรื่องการทำแท้ง เขาแกล้งบอกว่า จริงๆ อยากมีลูกนะ แต่ใช้เหตุผลอื่นหว่านล้อม เขาบอกว่า “มันไม่มีเหตุผลเลยที่จะให้เด็กเกิดขึ้นมาเพียงเพราะคุณคิดว่าจะมีลูกคนต่อไปไม่ได้ คิดดูนะ ถ้าเรามีลูกตอนนี้เราต้องใช้เงินอย่างน้อยก็ 900 ล้านวอน (25 ล้านบาท) แล้วเรามีกันเหรอ เงิน 900 ล้านวอนตอนนี้”

“ถ้าหากเรามีเด็กคนนี้ แล้วผมโดนเลิกจ้างงาน ไม่มีโฆษณา เล่นละครไม่ได้ แล้วพ่อแม่ของผมจะใช้ชีวิตอยู่ยังไง จะปล่อยให้พวกท่านไปนอนข้างถนนงั้นหรือ”

จากนั้นเขาก็บอกว่า “เด็กคนนี้ ไม่ควรเกิดตอนนี้ ถ้าเด็กคนนี้เกิดขึ้นมาในช่วงที่เราไม่พร้อม ผมไม่คิดว่าตัวเองจะรักเด็กคนนี้ได้หรอกนะ”

สิ่งที่เขาทำมันคือการแสดง เขาแกล้งร้องไห้ แล้วบอกว่าเดี๋ยวเราก็จะแต่งงานกันแล้ว เขาบอกว่าแผนที่เขาคิดไว้ คือเราจะแต่งงานกันในอีก 4 ปีข้างหน้า แต่จากเรื่องราวที่เกิดขึ้น เขาจะบีบเวลาการแต่งงานเหลือเป็น 2 ปีข้างหน้า และเขาให้คำสัญญาว่าจะเข้าไปแนะนำตัวกับที่บ้านของฉัน และจะย้ายมาอยู่ด้วยกันเลยตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป

ฉันหลงเชื่อในคำที่เขาพูด ซึ่งฉันก็เสียใจจนถึงวันนี้ ที่ไม่หนักแน่นพอที่จะเก็บเด็กไว้ เพราะถ้าฟังตามเหตุผลของเขา เราได้มีลูกกันตอนที่ทุกอย่างพร้อม มันก็เป็นอะไรที่สมบูรณ์มาก ฉันเองกลัวว่าจะมีลูกไม่ได้อีก แต่เขาบอกว่า ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวก็มีอีกได้

ในวันที่ฉันไปเอาเด็กออก นักแสดง K ไม่ได้มาที่โรงพยาบาลด้วย แต่ส่งเพื่อนสนิทของเขาที่เคยเล่นละครเวทีด้วยกันมาแทน เพื่อแสร้งว่าเขาเป็นพ่อของเด็ก เพื่อให้ตัวเองไม่ถูกผู้คนพบเห็นว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ ณ ตอนนั้น ฉันมันช่างโง่เง่า ที่คิดไม่ทัน และยอมเชื่อเขาทุกอย่าง สุดท้ายก็เอาลูกในท้องออกไปจากชีวิต

หลังจากที่ฉันทำแท้งเสร็จแล้ว นักแสดง K ก็มีท่าทีเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาส่งเงินให้ฉัน 2 ล้านวอน (56,000 บาท) สำหรับค่าโรงพยาบาล และฉันก็ไม่ได้ขอเงินเขามากกว่านี้ด้วย ฉันไม่ได้ขู่ ไม่ได้วิจารณ์ หรือทำอะไรที่จะส่งผลกระทบต่อเขาเลย เพราะฉันกลัวว่าถ้าเปิดเผยความสัมพันธ์ของเราสองคน จะทำให้ชีวิตนักแสดงของเขาลำบากขึ้น

แต่ฉันก็อยากให้รู้ว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่โรงพยาบาลมันมีราคาเท่าไหร่ ฉันจึงส่งใบเสร็จไปให้เขาทางแชท และเมื่อเขาเห็นก็เริ่มโมโหใส่ฉัน ถามฉันกลับมาว่า “คุณอยากให้ผมรู้สึกผิดใช่ไหม” คือฉันรู้สึกว่า เฮ้ย เดี๋ยวก่อน ฉันต่างหากที่เป็นคนต้องเจ็บปวดไม่ใช่คุณ

จิตใจฉันย่ำแย่ รวมถึงร่างกายที่ทำแท้งก็มีความบอบช้ำอย่างมาก อารมณ์ของฉันขึ้นลงตลอดชนิดหาคำอธิบายไม่ได้  แต่ ณ เวลานั้น นักแสดง K ซึ่งเป็นคนที่ฉันรัก กำลังกล่าวหาฉันว่าเอาเรื่องการทำแท้งมาโจมตีเขา มันไม่ใช่เรื่องเลยสักนิด

ณ เวลานั้น เขากำลังเจอปัญหาเรื่องการทำงาน ฉันจึงอดทนและพยายามเข้าใจเขา ทั้งหมดนี้ฉันทำเพราะฉันรักเขาจริงๆ และฉันคิดว่านักแสดง K ก็จะรู้สึกแบบเดียวกัน

ร่างกายของฉันหลังเอาเด็กออก มีผลกระทบอย่างมาก มันเป็นช่วงเวลาที่ยากลำบากจริงๆ แต่ฉันก็หวังว่า เมื่อนักแสดง K ถ่ายละครเสร็จแล้ว เขาจะรักษาสัญญาว่าเราจะได้อยู่เคียงข้างกันนับจากนี้ และเราจะได้มาอยู่อาศัยที่บ้านหลังเดียวกัน

นักแสดง K เป็นคนที่จริงจังมาก ถ้าเป็นเรื่องของการแสดง คนที่อยู่รอบตัวของเขารู้ดี ไม่ใช่แค่จริงจัง แต่เขาจะอารมณ์อ่อนไหวง่ายมาก ซึ่งฉันก็พยายามไม่รบกวนเขา อยากให้เขาโฟกัสกับงานได้อย่างเต็มที่

ความสัมพันธ์เราเป็นไปลับๆ จนเราคบกันครบ 8 เดือน ถึงตรงนี้เขาก็เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดัง ซึ่งแรกๆ นักแสดง K ก็ให้คำสัญญากันตลอด ว่าหลังถ่ายละครเสร็จจะพาไปเที่ยวต่างประเทศ และจะมาอยู่บ้านเดียวกัน แต่ในช่วงปลายปี 2020 เมื่อเขามีโฆษณามากมาย เขากลายเป็นคนละคนอย่างสิ้นเชิง

ความสัมพันธ์ของเรานั้น ฉันจำเป็นต้องเป็นขอโทษ ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร ถ้าเขาอารมณ์ไม่ดี เขาจะตำหนิฉันในเรื่องที่เล็กที่สุด อย่างเช่น ฉันพิมพ์แชทด้วยข้อความที่ไม่ถูกใจเขา คือฉันพยายามไม่ทำให้เขาโกรธ เพราะนี่คือว่าที่สามีของฉัน และเขากำลังจะกลายเป็นคนในครอบครัว

ฉันรู้สึกว่าในกองถ่าย บรรดาผู้จัดการส่วนตัว และสไตลิสต์ทั้งหลาย ต่างเอาอกเอาใจเขา ดังนั้นเขาก็เลยคาดหวังการเอาอกเอาใจจากครอบครัวและเพื่อนๆด้วย ซึ่งจากกรณีศึกษาของนักแสดง K ฉันบอกได้เลยว่า ตัวเองจะไม่มีวันคบหากับผู้คนในอุตสาหกรรมบันเทิงอีกแล้วอย่างแน่นอน

ภาพลักษณ์ในทีวีของนักแสดง K เขาเป็นคนใจดี ใสสะอาด คุณไม่เคยเห็นเขาพูดหยาบคายออกจอ แต่ในชีวิตจริงเขาพูดจาอะไรแย่ๆ บ่อยมาก เวลาคบกันเขาเป็นคนขู่จะเลิกซ้ำแล้วซ้ำเล่า และเขาชอบสบถ ชอบด่าบ่อยมาก ฉันไม่เคยว่าอะไรเขา แต่เขาจะสวนกลับมาด้วยคำว่า ไอ้เหี้ย (Fuck) และใช้คำแรงๆ ต่อหน้าฉันเลย พฤติกรรมบางครั้งก็ดูเหมือนจะข่มขชู่กันด้วย ตรงข้ามกับฉันเอง ที่ไม่เคยพยายามใช้คำพูดทำให้เขารู้สึกแย่เลย

เขาอาจจะไม่ได้ตั้งใจทำให้ตัวเองเป็นแบบนี้ แต่ด้วยชื่อเสียง เขาจึงเปลี่ยนไปเร็วมาก แต่ฉันก็พยายามเข้าใจ และรอให้เขากลับมาเป็นคนเดิม หลายๆครั้ง เขาบอกสื่อมวลชนว่า เขาไม่มีแฟน เขาบอกว่าที่ต้องทำแบบนั้น เพราะเซเลบริตี้ก็ไม่เปิดเผยตัวคนที่คบด้วยทั้งนั่นล่ะ จริงอยู่ มันมีหลายครั้งที่เขาขอโทษฉัน โดยบอกว่าที่ต้องโกหกไปในการสัมภาษณ์ แต่ฉันก็เสียใจอยู่ดี

คำโกหกที่เขาพูด สักพักมันกลายเป็นเรื่องจริง เพราะแม้แต่หลังไมค์ เวลาเขาคุยกับเพื่อนเซเลบริตี้ ไม่ว่าจะชายหรือหญิง เขาจะปิดบังเรื่องของฉันไว้หมดเลย ฉันซึ่งเป็นแฟนแท้ๆ ได้แต่ต้องหลบอยู่ในมุมมืด เพื่อรักษาความนิยมของเขาเอาไว้ให้สูงตามเดิม

ยิ่งเขาโด่งดังมากขึ้นเท่าไหร่ ได้โฆษณามากขึ้นแค่ไหน ฉันก็ยิ่งเจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น เพราะฉันคือแฟนลับๆ ที่ไม่สามารถเปิดเผยตัวได้ ตอนนี้ฉันรู้สึกได้แล้วว่า ตัวเองเป็นแค่สิ่งที่ทำให้เขากวนใจ ฉันรู้สึกว่าเขาพยายามเสแสร้งทำเป็นจริงใจกับฉัน แต่ความจริงทั้งหมด เป็นเรื่องโกหกทุกอย่าง

หลังจากฉันทำแท้ง สภาพจิตใจของฉันมันย่ำแย่ ถึงขั้นแตกสลาย ฉันรู้สึกว่าตัวเองบอบบางมาก จริงๆ ฉันมีบทสนทนาของเราสองคนมากมาย แต่ฉันขออนุญาตไม่แปะ ลงตรงนี้หรอก เพราะมันอาจทำให้ฉันต้องเจอความลำบากก็ได้

สิ่งที่ขัดแย้งกับภาพอบอุ่นที่ทุกคนเห็นในทีวี เขาเป็นคนที่เย็นชาและไม่มีความภักดีต่อใครเลย เขาเคยไล่ด่าคนที่ทำงานด้วยทุกวัน ซึ่งนี่แหละคือเหตุผลที่เขามีเพื่อนจริงๆ น้อยมาก เขาเคยด่านักแสดงรุ่นพี่ ที่เขาเคยบอกกับสื่อว่าชื่นชม ว่าจริงๆ รุ่นพี่คนนี้ ไม่ได้แสดงเก่งขนาดนั้น

เขาเคยด่าละครเรื่องหนึ่ง ว่ามีชื่อละครงี่เง่าที่สุด ใครจะไปดู นอกจากนั้นยังเคยบ่นด้วยว่า ถ้าหากผู้จัดละครไม่เปลี่ยนชื่อให้ดีกว่านี้ เขาจะปฏิเสธไม่ยอมรับบทมันซะเลย เขาบ่นต่างๆ นานา สารพัด ซึ่งฉันคิดว่า ตัวเองไม่มีวันพูดจาลับหลังถึงคนที่ทำงานด้วยแบบนี้นะ เพราะมันสะท้อนให้เห็นว่าฉันเป็นคนยังไง แต่เขาไม่ใช่อย่างนั้น

นักแสดง K ด่าทุกคนที่เกี่ยวข้อง ด่านักเขียน ด่าผู้กำกับ เขาเคยแดกดันผู้กำกับว่า “เป็นแค่คนเพี้ยนที่คิดว่าตัวเองมีหัวอาร์ต” และด่าผู้กำกับคนนั้นว่า ถ่ายช็อตเดิมๆ ซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างน่าเบื่อ

มีละครเรื่องหนึ่งที่เขาแสดงปีที่ที่แล้ว เขาบอกว่าเขาเกลียดเรื่องนี้มาก ก่อนที่ละครจะออนแอร์ เขาไม่อยากบอกคนอื่นเลยว่าตัวเองมีส่วนร่วมกับเรื่องนี้ เขาบอกว่าเรื่องนี้ ติงต๊อง และบทที่เขาได้รับก็ไม่ดีพอ และด่าผู้กำกับ นักแสดงร่วม และสตาฟฟ์ แต่เมื่อละครออกฉาย กลายเป็นว่า มันเป็นเรื่องที่ฮิตเปรี้ยงปร้าง เขากลับพลิกลิ้นแล้วบอกกับสื่อว่า “ขอบคุณผู้กำกับที่ให้บทแสดงที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขา”

ในละครเรื่องนี้ เขาพูดจาลับหลังในทางที่แย่ตลอด เขาคอมเมนต์นักแสดงหญิงตัวรองว่า หน้าตาไม่สวย และแต่งตัวเชยตกยุค และปากเสียใส่นักแสดงชายอีกคนหนึ่งว่านิสัยไม่ดี แถมยังโอ้อวดว่านักแสดงหญิงที่ร่วมงานกันแต่ละคน แอบปลื้มเขาทั้งนั้น เขาเล่าให้ฟังว่านักแสดงหญิงคนหนึ่งรุกจีบเขาเต็มตัวด้วย แต่เขาปฏิเสธเธอ เพราะเธอหน้าตาแย่เกินไป

เอาจริงๆนะ ฉันไม่เคยเห็นเขาพูดจาดีๆ กับใครสักคนเลย กับแฟนๆ ก็เช่นกัน เขามีภาพลักษณ์ของเซเลบริตี้ที่ใส่ใจแฟนๆ อย่างมาก แต่จริงๆ แล้วไม่ใช่อย่างนั้น เขาเคยได้ทั้งโทรศัพท์ iPhone จากแฟนๆ แต่แทนที่จะขอบคุณกลับเอามานินทาบอกว่ากลัวถูกดักฟัง หรือมีแฟนคนหนึ่งให้เซ็ตเนื้อย่างเกาหลี แต่เขาก็ส่งต่อให้สตาฟฟ์คนอื่นทันที รวมถึงเวลาได้ช่อดอกไม้จากแฟนๆ ที่มีการ์ดเขียนติดไว้ เขาโยนทิ้งถังขยะ โดยไม่อ่านข้อความในการ์ดด้วยซ้ำ

มีครั้งหนึ่งเขาไปออกรายการทีวี แล้วเผลอตะโกนใส่คนร่วมรายการ ผู้คนถึงกับตกใจมาก เพราะมันขัดกับลุคของเขา แต่พอฉันเห็น ฉันหัวเราะเลย เพราะนั่นแหละคือนิสัยจริงๆ ของเขา คือแน่นอน ในอดีตเขาเป็นคนจิตใจดีจริงๆ และฉันก็ตกหลุมรักผู้ชายคนนั้น แต่ยิ่งเวลาผ่านไป เขาก็ยิ่งเปลี่ยนไป เขากลายเป็นคนชอบด่าชาวบ้าน และสนใจแต่เรื่องตัวเองเพียงอย่างเดียว

พอเขาโด่งดังมากๆ จากละครเรื่องนี้ที่กล่าวไป เขาบอกฉันว่า เริ่มโดน Dispatch จับตามอง และบริษัทที่เขาทำงานอยู่ ไม่อยากให้ความสัมพันธ์นี้หลุดออกไป ดังนั้นจึงต้องระวังตัวมากขึ้น คือถ้าความลับนี้เปิดเผยออกไปเขาลำบากแน่ ดังนั้นสิ่งที่เขาทำ คือลบรูปฉันออกจากมือถือของเขา เปลี่ยนชื่อฉันเป็นผู้ชาย เวลาคนโทรเข้ามาจะได้ไม่รู้ และบอกให้ฉันลบเรื่องราวที่เคยคุยกันใน Kakao Talk ออกให้หมด และพยายามลบหลักฐานต่างๆ ที่เราสองคนเคยอยู่ด้านกัน ที่เก็บไว้ในคอมพิวเตอร์ด้วย

ฉันยังไร้เดียงสาเกินไป ฉันลบไปหลายๆอย่าง ตามที่เขาขอ เพราะกลัวว่าถ้าฉันไม่ทำ ชีวิตการทำงานของเขาจะลำบาก แต่ฉันเพิ่งมาเข้าใจตอนนี้ นักแสดง K จงใจจะลบร่องรอยเกี่ยวกับฉันทั้งหมด ตั้งแต่เรื่องทำแท้ง เขาอยากทำลายหลักฐานให้หมดไป

หลังจากที่หลักฐานถูกลบออกไปหมดแล้ว อย่างที่คุณผู้อ่าน คงจะคาดเดาได้ เขาก็ทำตัวห่างเหินฉันออกไปเรื่อยๆ

ฉันคิดกับเขาว่าเป็นครอบครัวเดียวกัน และหวังสิ่งดีๆ ให้กับเขาตลอด ฉันพยายามดูตารางงานของเขา และพยายามรอคอยเขาให้มาหา ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่า เขาไม่มีวันกลับมา ฉันเฝ้ารอมองแต่หน้าต่าง ดูว่าเขาจะกลับมาไหม แอบดูอยู่อย่างนั้น และเราก็ได้เจอกันน้อยลงเรื่อยๆ เหลือแค่สัปดาห์ละครั้ง

เราเริ่มมีช่องว่างระหว่างกัน และไม่ได้เจอหน้ากันอีก และในวันหนึ่ง เขาก็ขอเลิกกับฉันอย่างที่ไม่ทันตั้งตัว

1 เดือนแห่งความทรมาน และความหวังลมแล้งๆ ของฉัน ก็จบลงในเดือนพฤษภาคม 2021 เขาโทรหาฉันตอนตี 3 แล้วบอกว่า “คุณไม่ได้บันทึกเสียงเอาไว้ใช่ไหม คุณจะไม่เอาเรื่องนี้มาขู่ผมทีหลังใช่ไหม คุณเป็นคนนิสัยดีที่สุดที่ผมเคยรู้จัก แต่ผมไม่อยากให้คุณต้องรอผมอีกต่อไปแล้ว เพราะผมจะเริ่มคุยกับคนอื่นแล้ว ผมไม่สนใจคุณอีก เพราะรู้สึกเหมือนคุณพยายามจะฉุดรั้งให้ผมตกต่ำลง” ฉันส่งอีโมจิรูปหน้ายิ้มให้เขา ซึ่งเขาโกรธมาก บอกว่าฉันไม่ยอมรับความจริง และทำเหมือนว่าเรายังไม่เลิกกัน

ฉันร้องไห้ และถามเขาว่า นี่เราจะเลิกกันง่ายๆ ด้วยโทรศัพท์สายเดียวนี่น่ะหรอ กับเรื่องราวที่เราผ่านกันมาขนาดนี้ แต่เขาบอกฉันว่า มีปาปารัสซี่มากมายเต็มไปหมด เราไม่สามารถนัดเจอกันครั้งสุดท้าย เพราะถ้าเจอกันแล้วโดนจับได้ ความนิยมของเขา และรายได้ของเขาจะสูญหายไปเลย และนั่นคือโทรศัพท์สายสุดท้ายที่ฉันได้คุยกับเขา

ตอนที่ฉันไปทำแท้งลูก เรารับหมามาเลี้ยง 1 ตัว และตั้งชื่อมัน โดยเอาชื่อเราสองคนมารวมกัน สิ่งสุดท้ายที่เขาบอกกับฉันก่อนวางสายคือ “คุณรับผิดชอบหมาด้วยนะ” แล้วก็วางสายไป ไม่มีคำขอโทษเรื่องการทำแท้ง ไม่มีการเปิดโอกาสให้ฉันได้อธิบายและร่ำลากัน เขาเลิกกับฉัน แถมยังขู่ฉันอีก โดยบอกว่าความผิดทั้งหมดที่ต้องเลิกกันเป็นเพราะฉัน

สิ่งที่ฉันสะท้อนใจมากที่สุด คือ 1 วันหลังจากที่เราเลิกกัน เขาไปเดินห้างกับเพื่อน (เห็นไหม ว่าเขาชอบช็อปปิ้ง และชอบของหรูๆ) เขาไปเจอแฟนละคร และแจกลายเซ็นให้ โดยแฟนคนนั้นได้โพสต์รูปออนไลน์ ฉันรู้สึกว่า เขาทิ้งผู้หญิงที่เคยสัญญาว่าจะแต่งงาน คนที่อุ้มท้องลูกของเขา แล้วไปสร้างภาพต่อหน้าแฟนๆ อย่างง่ายดาย ถึงตรงนั้นฉันถึงเข้าใจว่า นักแสดง K ไม่ใช่แม้แต่มนุษย์ เขาไม่มีความเห็นอกเห็นใจแม้แต่เศษเสี้ยว

ชีวิตของฉันตั้งแต่คบกัน เจอแต่ความลำบาก ฉันต้องย้ายที่อยู่ และเปลี่ยนทะเบียนรถ ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับเขาแม้จะเป็นแบบหลบซ่อน ฉันเสียสละตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ นั่นเพราะเขาหวาดกลัวนักข่าว ฉันหวังเพียงสักนิดว่าเขาจะเสียใจกับการทอดทิ้งฉันกับเจ้าลูกหมาที่เรารับเลี้ยง แต่เขาไม่ได้สนใจ เขาเพียงแค่กลัวจะเสียความนิยมไปเท่านั้น

ฉันโพสต์เรื่องราวทั้งหมดนี้ เพราะคิดว่า ถ้าไม่ได้บอกให้โลกรู้ ฉันคงไม่สามารถมีชีวิตอยู่ต่อไปได้ และคงต้องอยู่ภายใต้ความเจ็บปวดที่เขาทำไว้ให้ตลอดไป ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาถึงตรงนี้”

นี่คือเรื่องราวทั้งหมด ของ คิม ซอน-โฮ พระเอกดังจาก Hometown Cha-Cha-Cha และ พระรองจากเรื่อง Start-Up ซึ่งล่าสุดเจ้าตัว และต้นสังกัด Salt ออกมาแถลงการณ์ของโทษแล้ว โดยยังไม่ลงรายละเอียดที่ลึกๆ ไปกว่านี้

ส่วนเรื่องที่โดนแฉจะมีมูลความจริงแค่ไหน ก็ต้องติดตามกันต่อไป ว่าฝ่ายหญิงจะมีหลักฐานที่แข็งแรงพอจะมัดตัวคิม ซอน-โฮ หรือไม่

และอีกประเด็นที่น่าสนใจคือ ชีวิตการแสดงของคิม ซอน-โฮ จะเป็นอย่างไรต่อ เพราะถ้าเรื่องทั้งหมดเป็นความจริง ภาพลักษณ์ชายหนุ่มผู้แสนดีที่ถูกมอง อาจจะไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป

 

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า