ความรับผิดชอบ และความคาดหวัง น้ำหนักของมงกุฎที่แอนชิลีสวมใส่

ย้อนกลับไปวันที่ 25 ตุลาคม 2021 ชื่อของ ‘แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส’ ถูกจดจำในบทบาทใหม่ ผู้ครอบครองมงกุฎแห่งชัยชนะในเวที Miss Universe Thailand 2021 และนั่นได้กลายมาเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางใหม่ของเธอในฐานะผู้ผลักดันแคมเปญ Real Size Beauty

อย่างที่แฟนนางงามหลายคนรู้ ช่วงเวลา 2 เดือนหลังจากที่แอนชิลีได้รับตำแหน่ง Miss Universe Thailand 2021 เธอจะต้องเผชิญกับความผิดหวังครั้งใหญ่ หลังไม่สามารถคว้างมงกุฎในเวทีระดับโลกกลับมาฝากคนไทยได้ แอนชิลีในเวลานั้นต้องผ่านความท้าทายทั้งภายในจิตใจ พร้อมๆ กับต้องต่อสู้ความท้าทายจากภายนอกที่พุ่งเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง แต่ในวันนี้แอนชิลีกลับมาอีกครั้งในฐานะหญิงสาวที่จิตใจเข้มแข็งขึ้น และตอบได้อย่างเต็มปากว่า “ฉันมีความสุข”

บทเรียนจากช่วงเวลาสำคัญในชีวิต ทัศนคติที่ผันแปรตามยุคสมัย และที่มาของเกราะกำบังอันแสนวิเศษที่เธอมีคืออะไรบ้าง มาย้อนอ่านไฮท์ไลท์บทสัมภาษณ์แอนชิลีจากรายการ AIM HOUR ไปพร้อมๆ กัน

#สุขภาพจิตไม่ใช่เรื่องที่ควรปฏิเสธ

แอนชิลีเล่าให้ฟังว่าหลังจากที่เธอกลายเป็นบุคคลสาธารณะ นอกจากความกดดันในฐานะความหวังของประเทศ เธอยังต้องเผชิญกับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ทางลบจากอินเทอร์เน็ต เธอยอมรับว่าตัวเองเป็นหนึ่งหนึ่งที่มีปัญหาสุขภาพจิต ซึ่งปัญหานี้เด่นชัดขึ้นหลังจากที่เธอไม่ผ่านเข้ารอบ 16 คนสุดท้ายในการประกวด Miss Universe 2021

ย้อนกลับไปเวลานั้น แอนชิลีบอกว่าเธอสูญเสียความมั่นใจไปมาก ถึงขนาดไม่ต้องการพบหน้าใคร เพราะรู้สึกอับอายที่ไม่ประสบความสำเร็จอย่างที่หลายคนคาดหวัง แล้วก็เหมือนหลายๆ คน เวลาที่ต้องอยู่คนเดียวเธอจะเผลอปล่อยตัวให้จมอยู่กับความเศร้า ดำดิ่งกับความรู้สึกลบ จนอาจจะเรียกได้ว่า ‘เสพติดความเศร้า’

แต่เหตุการณ์เหล่านี้ทำให้แอนชิลีเรียนรู้ที่จะไม่ปล่อยให้ตัวเองถลำลึกลงไปกับความมืดมนมากกว่าเดิม และ ‘7.7’ คือคะแนนที่เธอมอบให้กับสุขภาพจิตของตัวเอง

“จริงๆ หลายๆ คนก็น่าจะเป็นกันนะ เวลาที่เราเศร้าเราจะยิ่งชอบฟังเพลงเศร้า เพื่อที่เราจะได้เศร้ากว่าเดิม 

แต่คุณก็ต้องมีจุดที่ต้องรู้ตัวด้วยว่าคุณกำลังทำอย่างนั้นอยู่ เพราะฉะนั้นเวลาที่ฉันรู้ตัวว่ากำลังทำแบบนั้น ฉันจะดึงตัวเองขึ้นมาจนถึงระดับ 7.7 นั่นแหละค่ะ”

“ถามว่าตอนนี้รู้สึกอย่างไร ตอนนี้ฉันมีความสุขมากค่ะ ทั้งหมดนั้นมันทำให้ฉันเติบโตขึ้นมาก ตอนนี้แอนอายุ 23 ปี  แต่รู้สึกว่าตัวเองรับมือกับอะไรหลายๆ อย่างได้ดีขึ้นค่ะ อาจไม่ถึงกับพูดได้ว่าสิ่งที่เราเจอมันดีแล้ว แต่ถามว่ามองย้อนกลับไปแล้วมันมีสิ่งดีๆ ซ่อนอยู่มั้ย ฉันคิดว่ามีค่ะ

แอนชิลีเล่าว่าเหตุผลหนึ่งที่เธอตัดสินใจเปิดเผยเรื่องนี้ เพราะสุขภาพจิตก็มีความสำคัญไม่แพ้สุขภาพกาย และมันเป็นหนึ่งในภัยคุกคามที่กำลังส่งผลกระทบกับคนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ ดังนั้นการทำให้สังคมเข้าใจปัญหาสุขภาพจิตอย่างลึกซึ้งเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก

“สังคมของเราโดยเฉพาะในไทย  คุณจะไม่กล้ายอมรับว่ารู้สึกแย่  เพราะไม่อยากดูอ่อนแอ เป็นวัฒนธรรมเราต้อง “ฮึบ”  แต่ตอนนี้ฉันคิดว่ามันสำคัญมากค่ะที่เราควรเปิดใจยอมรับมันตรงๆ เพราะโลกกำลังเปลี่ยนไป”

#นางงามและการเมือง

ในช่วงครึ่งทศวรรษมานี้ หนึ่งในประเด็นที่แฟนนางงามจับจ้องมากที่สุดในการประกวดคือชุดคำถาม และชุดคำตอบเกี่ยวกับหัวข้อการเมือง ในมุมของแอนชิลีเองก็มองว่า ตอนนี้เวทีประกวดนางงามมันไม่ใช่แค่ประกวด ‘ความงาม’ อีกต่อไป

เจ้าของตำแหน่ง Miss Universe Thailand 2021 พูดในฐานะคนหนึ่งที่มีประสบการณ์บนเวทีว่า ทุกคนที่มายังเวทีล้วนมีจุดมุ่งหมายบางอย่างที่อยากผลักดัน เพราะคนที่ยืนในสปอร์ตไลท์คือคนที่ได้โอกาสในการพูด และเป็นตัวแทนเสียงให้กับคนอีกหลายคน ดังนั้นเวทีประกวดนางงาม มันมากกว่าประกวดความงามมานานแล้ว

ส่วนประเด็นที่ว่าประชาชนอาจจะคาดหวังให้คนที่อยู่ในสปอร์ตไลท์แสดงความเห็นที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับเรื่องการเมือง แอนชิลีมองว่านี่เป็นสิทธิ์ที่ทุกคนทำได้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีสิทธิ์ที่จะไม่ทำ แต่การกระทำใดๆ ก็ตามต้องเกิดขึ้นบนพื้นฐานของการมีเหตุผลและหลักฐาน 

“ฉันไม่อยากให้คิดว่าเราไม่ควรเลือกข้าง เพราะเราต่างมีความคิดเป็นของตัวเองและมีมุมมองที่คุณเห็นด้วย ขอแค่มันไม่ทำร้ายอีกคนหรืออีกฝั่งค่ะ ฉันคิดว่าอันนี้คือเรื่องสำคัญมาก”

“คำถามนี้ยิ่งตอกย้ำว่าเวทีประกวดนางงามต้องดูมากกว่าความสวย คุณเป็นตัวแทนของประเทศ คุณก็ควรจะพูดเรื่องนี้ได้ และควรเป็นสิ่งที่คุณตั้งใจจะทำ แต่ถ้าคุณเลือกที่จะไม่ทำ ฉันก็คิดว่ามันโอเค 

เพราะมันมีหลายเหตุผลที่ใครสักคนจะไม่อยากพูดถึงเรื่องใดเรื่องหนึ่ง สำหรับฉันมันเป็นเรื่องของทางที่เราเลือก และเป็นการประเมินว่าเราคิดอย่างไรมากกว่า” 

“คุณควรสื่อสารในเรื่องที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง คุณก็ต้องมีเหตุผลและเข้าใจในเรื่องนั้น ดีกว่าการที่พูดเรื่องอะไรก็ได้ที่คนคาดหวังให้คุณพูด และสร้างความเสียหายในภายหลังค่ะ”

#กว่าจะเป็นแอนชิลี

ว่ากันว่าสถาบันแรกในชีวิตคือครอบครัว ต่อมาคือโรงเรียน ทั้งสองสถาบันที่กล่าวถึงมานี้ล้วนมีส่วนสำคัญในการหล่อหลอมให้แอนชิลีเป็นวัยรุ่นที่กล้าแสดงออก มีความคิดเป็นของตัวเอง และพร้อมเผชิญหน้ากับความท้าทาย

แอนชิลีเล่าถึงการตอบคำถามบนเวทีประกวดของตัวเองว่าเธอไม่ได้ต้องเตรียมตัวมากเกินความจำเป็น เพราะครอบครัวให้พื้นที่ปลอดภัยในการแลกเปลี่ยนข่าวสาร ถกเถียง และพูดคุยเรื่องต่างๆ ในสังคมบนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกัน 

ขณะที่โรงเรียนมัธยม และสังคมในระดับมหาวิทยาลัยก็สนับสนุนให้เธอมีอิสระทางความคิด ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอเดินทางมาไกลนาดนี้ และเชื่อว่ามันจะเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เธอไปได้ไกลยิ่งกว่านี้แน่นอน

ติดตามบทสัมภาษณ์ฉบับไฮท์ไลท์ของแอนชิลี สก๊อต-เคมมิส ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=oXIpiNSdie4&t=400s