หลานอดีตนายกฯ-นักการเมือง-เด็กนอก ทุกบทบาทที่ประกอบเป็น ‘ไอติม-พริษฐ์’ 

ถ้าพูดชื่อ ‘ไอติม-​​พริษฐ์ วัชรสินธุ’ คุณจะนึกถึงอะไร?

นักการเมือง หลานอดีตนายกรัฐมนตรี หรือนักเรียนนอก ไม่ว่าไอติมจะอยู่ในบทบาทไหน แต่ทุกๆ ด้านมุมที่เขาเป็น ก็ประกอบร่างมาเป็น ‘พริษฐ์ วัชรสินธุ’ อย่างที่เราเห็นทุกวันนี้

AIM HOUR มีโอกาสได้พูดคุยกับไอติมในบทบาทที่เราเอ่ยถึงข้างต้น ตัวตนของชายหนุ่มที่มักถูกจำกัดความเฉพาะมุมใดมุมหนึ่งจะเป็นอย่างไร ชวนมาอ่านบทสัมภาษณ์ที่เขาแวะเวียนมาพูดคุยกัน

#ไอติมนักเรียนนอก

‘พูดเก่ง’ คือหนึ่งในความสามารถที่โดดเด่นของไอติม ซึ่งเขาเล่าให้ฟังว่า สภาพแวดล้อมและเส้นทางการศึกษาของเขาเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ตัวเองมีทักษะการสื่อสารที่ดีจนถึงทุกวันนี้ ย้อนกลับมาไปสมัยมหาวิทยาลัย ไอติมเข้าศึกษาในคณะปรัชญาเศรษศาสตร์และการเมือง มหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด 

และในระหว่างเรียนเขาได้ตำแหน่งประธานอ๊อกซ์ฟอร์ดยูเนียน ซึ่งเป็นสมาคมที่เชิญชวนนักศึกษา และนักพูดคนนอกมาร่วมโต้วาทีกัน ขณะที่ไอติม ในฐานะประธานสมาคมรับหน้าที่ตั้งประเด็นถกเถียง สภาพแวดล้อมเหล่านี้ส่งเสริมให้ไอติมคอยหามุมมองเพื่อตั้งคำถาม และถกเถียงอยู่เสมอ 

และไม่ใช่แค่ในระดับมหาวิทยาลัย ตั้งแต่สมัยเรียนมัธยม ไอติมเล่าว่าเขาถูกสอนให้ตั้งคำถาม และขบคิดอยู่เสมอ “ต่อให้เราได้คำตอบมาแล้ว จะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ได้ ระบบการศึกษาที่นั่นมันส่งเสริมวัฒนธรรมแบบนี้ ส่งเสริมให้มีการตั้งคำถาม ให้ผู้คนวิพากษ์วิจารณ์ความคิดเห็นอื่นๆ และถกเถียงอย่างสร้างสรรค์”

“ผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่สำคัญมากในกระบวนการเรียนรู้ ผมหวังว่าวันสักหนึ่งวัฒนธรรมให้การอิสระในการตั้งคำถาม การถกเถียง และบทสนทนาต่างๆ จะเกิดขึ้นในห้องเรียนของเรา”

ไอติมเสริมว่า การตั้งคำถามและถกเถียงทำให้เรามีมุมมองที่หลากหลายมากขึ้น เพราะการได้พูดคุยและทำความเข้าใจคนที่ไม่เห็นด้วยกับเรา จะนำมาซึ่งข้อมูลใหม่ๆ หรืออาจจะเป็นข้อมูลเดิมในอีกด้านมุมที่เราไม่เคยมองเห็น ดังนั้น ไอติมมองว่ากระบวนการพูดคุยนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการพัฒนากระบวนการคิด

#ไอติมหลานอดีตนายกฯ

ในชีวิตมีบางอย่างที่คนเราควบคุมไม่ได้เสมอ และปฏิเสธไม่ได้ว่าภาพจำ ‘หลานอภิสิทธิ์’ น่าจะเป็นสิ่งที่ติดตัวไอติมไปอีกนาน แต่ถึงเช่นนั้น ไอติมบอกว่า เขาและผู้เป็นอาไม่ใช่คนเดียวกัน และไม่เหมือนกัน

“ผมยังขอตอบแบบเดิมคือ ทุกๆ คนบนโลกนี้ มีความแตกต่างกัน และคนสองคนไม่มีทางที่จะเหมือนกันไปทั้งหมด” พร้อมเสริมว่า “ผมคิดว่าสุดท้ายแล้ว ทุกๆ คนที่ทำงานในสายการเมืองควรถูกตัดสินจากการกระทำ การตัดสินใจ มุมมอง และความคิด ไม่ใช่จากพื้นฐานครอบครัว หรือคนที่พวกเขารู้จัก”

ไอติมเล่าย้อนไปสมัยที่เขาเข้ามาทำงานการเมืองใหม่ เขาคิดเสมอว่า ‘บางคนรักเขาเร็วเกินไป และบางคนก็เกลียดเขาเร็วเกินไป’ ประชาชนหลายคนตัดสินเขาโดยยังไม่ได้รู้จักเขาดีพอ แต่อาจจะพิจารณาจากเครือญาติของเขาเท่านั้น

มาจนถึงวันนี้ ไอติมตัดสินใจยึดมั่นในอุดมคติแรกเริ่มของตัวเอง โดยไม่กังวลว่าบางครั้งอาจจะทำให้ใครบางคนผิดหวังจากภาพที่คิดไว้คราวแรก

“ในฐานะของนักการเมือง ผมต้องยืนหยัดในการตัดสินใจ และการกระทำของตัวเอง ในงานการเมือง คุณไม่สามารถตัดสินใจอะไร แล้วทุกคนจะเห็นด้วยกับมันไปทั้งหมด มันเกี่ยวกับว่าคุณจะทำให้คนเชื่อได้อย่างไรว่า ข้อเสนอของคุณ หรือสิ่งที่คุณจะทำมันจะช่วยยกระดับสังคมได้จริงๆ”

#ไอติมนักการเมือง

อย่างที่หลายๆ คนน่าจะติดตามข่าว ในการเข้าสู่สนามการเมืองครั้งแรกของไอติม เขาต้องเผชิญกับความผิดหวัง หลังไม่ได้รับเลือกเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ แต่ดูเหมือนเขาในวันนี้จะไม่เสียดายกับเหตุการณ์นั้นเลย เพราะท้ายที่สุดจุดยืนของเขาและพรรคแตกต่างกัน ไอติมยังบอกด้วยว่า หากวันนั้นเขาได้เข้าไปนั่นในสภา เขาก็คงตัดสินใจลาออกอยู่ดี

“ผมคิดว่าตัวเองก็คงนั่งอยู่ตรงนี้แหละ เพราะผมลงสมัครในนามของพรรคประชาธิปัตย์ แล้วสุดท้ายพรรคก็เข้าร่วมกับรัฐบาล ดังนั้นผมคิดว่าก็คงอยู่ในที่ที่ผมอยู่ตอนนี้”

ส่วนเหตุผลที่ทำให้ตัดสินใจลาออกคือ พรรคไม่สามารถทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กลับประชาชนได้ และอีกข้อ ต่อให้พรรคไม่ได้สัญญา แต่การที่ประชาธิปัตย์เข้าร่วมกับฝ่ายรัฐบาลที่นำโดยพรรคพลังประชารัฐ และสนับสนุนให้ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ขัดกับอุดมการณ์ของเขาอยู่ดี 

“มันหมายความว่าพรรคประชาธิปัตย์เห็นด้วยกับสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต ซึ่งเป็นที่มาของการเลือกตั้งในครั้งนี้ การเลือกตั้งที่นำโดยระบอบทหารที่ปฏิวัติเข้ามา แล้วเขียนรัฐธรรมและกฎหมายใหม่ก็เพื่อประโยชน์ของตัวเอง”

“การเป็นพันธมิตรกับรัฐบาลอาจเป็นเรื่องที่ยอมรับได้สำหรับบางคนแต่ไม่ใช่สำหรับผม ดังนั้น ต่อให้ผมได้เป็น ส.ส.ผมก็ลาออกอยู่ดี”

สำหรับใครที่อยากฟังบทสัมภาษณ์ของไอติม ติดตามฉบับไฮท์ไลท์ได้ที่ https://www.youtube.com/watch?v=O6rzWHX85y4&list=PLGNrke-J6zF34fA8VbJ-LH_lEuXDEnGfJ&index=8