Advertisement

SHARE

คัดลอกแล้ว

นับวันปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง หรือ Climate Change ก็ยิ่งเป็นประเด็นที่ถูกหยิบยกขึ้นมาพูดถึงและให้ความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ

ยิ่งเมื่อองค์การสหประชาชาติ กำหนดแผนการพัฒนาอย่างยืน SDG13 Climate Change เพื่อลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศหรือภาวะโลกรวน ก็ยิ่งทำให้องค์กรต่างๆ ทั่วโลกยิ่งเห็นความสำคัญ และประกาศแผนหรือกิจกรรม เพื่อร่วมลดผลกระทบของปัญหานี้ไปด้วยกัน

รวมถึงบริษัทอสังหาริมทรัพย์ในเครือบุญรอดฯ อย่าง ‘สิงห์ เอสเตท’ ก็เช่นกัน ที่ประกาศมุ่งสู่การเป็นองค์กร Carbon Neutrality ในปี 2030 โดยล่าสุดได้จับมือกับพันธมิตรด้านความยั่งยืน สยามคูโบต้า และไทยคม พร้อมชุมชนในพื้นที่บริเวณสิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย Kick off โครงการ ‘ปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว’

‘ฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์’ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เล่าให้ฟังว่า จากแผนการเดินหน้าสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำของสิงห์ เอสเตท ภายในปี 2030

หนึ่งในดัชนีชี้วัดความยั่งยืนด้านการต่อต้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ คือ ภารกิจการกำหนดให้มีพื้นที่การสร้างพื้นที่สีเขียว ให้เท่ากับพื้นที่ก่อสร้างโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสิงห์ เอสเตท ตั้งเป้าไว้ที่ 1 ล้าน ตร.ม. ภายใน 10 ปี

“สิงห์ เอสเตท ตระหนักถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ ซึ่งนำมาซึ่งปัญหาภาวะโลกร้อน ภัยภิบัติ และส่งผลกระทบด้านสังคม และชุมชน และเป็นประเด็นที่ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก

“บริษัทเล็งเห็นถึงผลกระทบที่เกิดขึ้นจากการดำเนินธุรกิจในอนาคต จึงได้มีการเก็บข้อมูลคาร์บอนองค์กรในระยะเวลาที่ผ่านมา และตั้งเป้าสู่การเป็นองค์กรคาร์บอนต่ำ รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่ดูดซับคาร์บอน หรือการปลูกป่าให้ได้มากที่สุด

“รวมถึงการสร้างความตระหนักรู้ และส่งต่อความรู้ในการช่วยกันลดคาร์บอนให้กับคนในเมืองผู้มีส่วนได้เสียทุกกลุ่ม จึงเป็นที่มาของ ‘โครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว’ โดยได้รับการสนับสนุนด้านพื้นที่ปลูกป่าจากสิงห์ปาร์ค เชียงราย จำนวน 625 ไร่ เป็นเขตพื้นที่เชิงเขา และเขตป่ารอยต่อ ที่มีความสำคัญในการสร้างป่าในระยะยาว

“นอกจากนี้ยังได้เทคโนโลยีในการสำรวจติดตามและตรวจสอบการเติบโต รวมถึงสุขภาพของต้นไม้และปริมาณการดูดซับคาร์บอน จากทางไทยคมมาช่วยตลอดระยะเวลาโครงการ

“ขณะที่สยามคูโบต้าก็ให้นวัตกรรมเครื่องจักรกลการเกษตร เช่น รถขุดคูโบต้า, รถแทร็กเตอร์คูโบต้า พร้อมเครื่องเจาะหลุม เข้ามาช่วยเตรียมหลุมให้เหมาะสมกับการปลูกต้นกล้า นำโดรนการเกษตรเข้ามาช่วยพ่นปุ๋ยบำรุงหลังปลูกป่า

“รวมถึงหน่วยงานราชการจากทางจังหวัดเชียงราย และชุมชนในพื้นที่ ก็เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการเริ่มแคมเปญนี้ด้วย” CEO สิงห์ เอสเตท กล่าวเพิ่มเติม

‘ศิริธร ธำรงนาวาสวัสดิ์’ ผู้อำนวยการฝ่ายภาพลักษณ์องค์กร และการพัฒนาอย่างยั่งยืน สิงห์ เอสเตท เล่าถึงรายละเอียดเพิ่มเติมของโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้วว่า “คอนเซ็ปต์ของโครงการนี้คือ การดูแลป่าทำได้ง่าย…ใช้แค่ปลายนิ้ว ช่วยกันลดการปล่อยคาร์บอนในชีวิตประจำวัน

“จากแคมเปญออนไลน์เมื่อเดือนที่ผ่านมากับ Environman เราได้ไอเดียลดการปล่อยคาร์บอน หรือการปลูกป่าด้วยปลายนิ้วของผู้ร่วมแคมเปญมามากกว่า 500 ไอเดีย ซึ่งทุกไอเดียที่ส่งเข้ามาร่วมกิจกรรมจะถูกนำไปต่อยอดสร้างกระแสสังคม Low carbon ต่อไป หรือ ‘Enriching Community’

“พร้อมทั้งต่อยอดการรักษาความหลากหลายทางชีวภาพ ‘Life on Land Biodiversity’ ด้วยการตั้งเป้าโครงการดูแลป่า และเพิ่มพื้นที่ดูดซับคาร์บอนในพื้นที่ทั้ง 3 ป่า ทั้งป่าต้นน้ำ ป่ากลางน้ำหรือป่าในเมือง และป่าปลายน้ำหรือป่าโกงกาง

“เนื่องจาก 3 ป่านั้นมีความสำคัญเชื่อมโยงซึ่งกันและกัน และยังสำคัญต่อการสร้าง Blue Carbon ที่สำคัญเราดำเนินการปลูกป่าบนมาตรฐาน AGI (Asian Green Initiative) ซึ่งเป็นมาตรฐานระดับสากล มีการประเมินวัดผลการเติบโต และขยายตัวของพื้นที่ป่า รวมถึงต้องเป็นพื้นที่ป่าที่เปิดโอกาสให้ชุมชนรอบข้างเข้ามามีส่วนร่วม และใช้ประโยชน์ได้อย่างยั่งยืน

“โดยกิจกรรมร่วมกันปลูกป่าในวันนี้ จะถือเป็นการ kick off การเดินหน้าสร้างพื้นที่สีเขียว 1 ล้าน ตร.ม. ในป่าต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ อย่างเป็นทางการและต่อเนื่องไปอีกเป็นระยะเวลา 10 ปี”

ด้าน ‘พงษ์รัตน์ เหลืองธำรงเจริญ’ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สิงห์ปาร์ค เชียงราย กล่าวว่า “สิงห์ปาร์ค คือ Social enterprise ของสิงห์ คอร์เปอเรชั่น และบริษัทในเครือ โดยมุ่งหวังในการสร้างความยั่งยืนให้กับชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม

“สำหรับโครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้วนี้ ถือเป็นหนึ่งในโครงการของบริษัทในเครือ ทางสิงห์ปาร์คจึงยินดีอย่างยิ่งในความร่วมมือครั้งนี้ โดยได้จัดพื้นที่ประมาณ 625 ไร่ไว้ให้เป็นพื้นปลูกป่า และพื้นที่ดูแลป่า ซึ่งบริเวณนี้เป็นเขตป่ารอยต่อที่มีความสำคัญ และเป็นแนวป้องกันภัยทางธรรมชาติ ซึ่งถ้ามีการเพิ่มพื้นที่ป่าบริเวณนี้ก็จะยิ่งทำให้เกิดความสมบูรณ์ของป่ามากยิ่งขึ้น และเกิดประโยชน์มากที่สุด”

ทั้งนี้ โครงการปลูกป่าด้วยปลายนิ้ว โดยสิงห์ เอสเตท ตั้งเป้าเพิ่มพื้นที่สีเขียวและปลูกป่าให้ได้อย่างน้อย 1 ล้าน ตร.ม. โดยเริ่มที่ป่าต้นน้ำในบริเวณไร่สิงห์ปาร์ค จ.เชียงราย จำนวน 625 ไร่ และจะขยายต่อสู่ป่ากลางน้ำหรือป่าในเมือง

โดยคาดว่าจะเป็นพื้นที่ในกรุงเทพมหานคร ต่อด้วยพื้นที่ป่าปลายน้ำ หรือป่าโกงกาง ที่เกาะพีพี ตั้งเป้าโครงการระยะยาว 10 ปี ที่จะมีการติดตาม ตรวจวัด และประเมินผล เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงที่สุด รวมถึงการจัดแคมเปญต่างๆ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ และปลุกจิตสำนึกควบคู่กันไป

podcast

LATEST
OUR PICKS
HOT
กำลังโหลดบทความถัดไป...

เราใช้คุกกี้เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพ และประสบการณ์ที่ดีในการใช้เว็บไซต์ของคุณ อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้ และสามารถจัดการความเป็นส่วนตัวของคุณได้เองโดยคลิกที่ ตั้งค่า

ตั้งค่าความเป็นส่วนตัว

คุณสามารถเลือกการตั้งค่าคุกกี้โดยเปิด/ปิด คุกกี้ในแต่ละประเภทได้ตามความต้องการ ยกเว้น คุกกี้ที่จำเป็น

ยอมรับทั้งหมด
จัดการความเป็นส่วนตัว
  • คุกกี้ที่จำเป็น
    เปิดใช้งานตลอด

    ประเภทของคุกกี้มีความจำเป็นสำหรับการทำงานของเว็บไซต์ เพื่อให้คุณสามารถใช้ได้อย่างเป็นปกติ และเข้าชมเว็บไซต์ คุณไม่สามารถปิดการทำงานของคุกกี้นี้ในระบบเว็บไซต์ของเราได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อการวิเคราะห์

    คุกกี้ประเภทนี้จะทำการเก็บข้อมูลการใช้งานเว็บไซต์ของคุณ เพื่อเป็นประโยชน์ในการวัดผล ปรับปรุง และพัฒนาประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ ถ้าหากท่านไม่ยินยอมให้เราใช้คุกกี้นี้ เราจะไม่สามารถวัดผล ปรับปรุงและพัฒนาเว็บไซต์ได้
    รายละเอียดคุกกี้

  • คุกกี้เพื่อปรับเนื้อหาให้เข้ากับกลุ่มเป้าหมาย

    คุกกี้ประเภทนี้จะเก็บข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งข้อมูลส่วนบุคคลเกี่ยวกับตัวคุณเพื่อเราสามารถนำมาวิเคราะห์ และนำเสนอเนื้อหา ให้ตรงกับความเหมาะสมกับความสนใจของคุณ ถ้าหากคุณไม่ยินยอมเราจะไม่สามารถนำเสนอเนื้อหาและโฆษณาได้ไม่ตรงกับความสนใจของคุณ
    รายละเอียดคุกกี้

บันทึกการตั้งค่า