ย้อนร้อย(ร้าว) ฟิลิปปินส์-อเมริกา กับความสัมพันธ์ฉันคนรักเก่า The Philippines: USA’s ex-lover?

ย้อนร้อย(ร้าว) ฟิลิปปินส์-อเมริกา กับความสัมพันธ์ฉันคนรักเก่า The Philippines: USA’s ex-lover?

FEATURES

ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐอเมริกาและฟิลิปปินส์นั้นมีมาอย่างยาวนาน เสมือนว่าฟิลิปปินส์นั้นเป็นรัฐที่ 51 ของสหรัฐอเมริกา ความใกล้ชิดสนิทสนมของทั้งสองประเทศนี้แสดงออกมาในมิติด้านการเมืองและวัฒนธรรมอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่ที่ฟิลิปปินส์ตกอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐอเมริกากว่า 50 ปี (1898-1946)

 

 

แต่แล้วความสัมพันธ์ของทั้งคู่กับต้องสั่นคลอนเมื่อ โรดรีโก ดูเตอร์เต้ ประธานาธิบดีคนใหม่ของฟิลิปปินส์ ก้าวขึ้นมาดำรงตำแหน่งในปี 2016 เพราะนโยบายที่ ดูเตอร์เต้ ใช้บริหารประเทศ ล้วนเพิกเฉยต่อสิทธิมนุษยชน และสนับสนุนการยุติความรุนแรงด้วยความรุนแรง ซึ่งขัดต่อนโยบายของสหรัฐอเมริกาในยุคประธานาธิบดี บารัค โอบาม่า โดยเฉพาะนโยบายว่าด้วยการปราบปรามยาเสพติด ที่ทำให้ประชาชนชาวฟิลิปปินส์ต้องเสียชีวิตลงจากนโยบายอันรุนแรงของเขามากกว่า 6,000 คน

 

 

แน่นอนว่าสหรัฐอเมริการับไม่ได้กับการกระทำอันโหดร้ายของฟิลิปปินส์ ด้าน ดูเตอร์เต้ เอง ก็ไม่พอใจกับท่าทีของสหรัฐอเมริกาเช่นกัน จึงประกาศตัดความสัมพันธ์กับสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ และหันไปผูกมิตรกับมหาอำนาจฝั่งเอเชียอย่างจีน ทั้งยังเร่งเดินหน้าวางแผนพัฒนาความร่วมมือด้านเศรษฐกิจระหว่างจีน – ฟิลิปปินส์ ที่ครอบคลุมระยะเวลา 6 ปี

 

 

ประเด็นที่สำคัญคือ จีน – ฟิลิปปินส์ มีการหารือเกี่ยวกับข้อพิพาทกรณีหมู่เกาะทะเลจีนใต้ระดับทวิภาคี ที่สร้างความตึงเครียดระหว่างสองประเทศกันมายาวนาน ซึ่งนับเป็นการเปลี่ยนจุดยืนของฟิลิปปินส์ที่เคยมี แม้ว่าการพูดคุยดังกล่าวจะเริ่มจากประเด็นสิ่งแวดล้อมในพื้นที่ข้อพิพาทนั้นก็ตาม

 

ด้านสหรัฐอเมริกา แม้ไม่ได้แยกขาดจากฟิลิปินส์อย่างจริงจัง แต่ก็ถูกลดความสำคัญจากแต่ก่อนลงมาก โดยประธานาธิบดี ดูเตอร์เต้ ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการหาพันธมิตรใหม่ ๆ ตลอดเวลา ซึ่งอาจเป็นข้ออ้างในการตีตัวออกห่างจากสหรัฐอเมริกา อย่างไรก็ดี ระหว่างที่นาย โดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมเข้ามารับตำแหน่งประธานาธิบดีคนใหม่ของสหรัฐอเมริกาในช่วงปลายปีที่ผ่านมานั้น ดูเตอร์เต้ กลับมีทีท่าว่าจะชื่นชอบเป็นพิเศษ ถึงกับออกหน้าออกตาแสดงความยินดีกับประธานาธิบดีคนใหม่ รวมทั้งพยายามต่อรอยร้าวให้ทั้งสองประเทศกลับมามีความสัมพันธ์เช่นเดิม

 

 

ฝั่ง ทรัมป์ ที่เตรียมขึ้นดำรงตำแหน่งได้ติดต่อกับ ดูเตอร์เต้ ว่าเขาเองก็มีความต้องการเช่นเดียวกัน เมื่อเป็นเช่นนั้นฟิลิปปินส์จึงขอให้สหรัฐอเมริการื้อฟื้นความสัมพันธ์ทางทหารเป็นอันดับแรก เพื่อให้เป็นไปตามสัญญาเคยประกาศร่วมกันไว้ในปี 1951 และ 1999 โดยครั้งนี้จะให้ความสำคัญในประเด็นเรื่องความมั่นคงร่วมกัน เนื่องจากฟิลิปินส์ถือว่ายังต้องการความช่วยเหลือทางการทหารจากสหรัฐ เพื่อมาหนุนของฟิลิปปินส์ที่อ่อนแอกว่า

 

 

แม้ความสัมพันธ์จะเป็นไปแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก แต่ในบริบทเศรษฐกิจ สหรัฐอเมริกาก็เป็นถึงตลาดส่งออกอันดับหนึ่งของฟิลิปปินส์ เรียกได้ว่าเป็นหัวใจสำคัญต่อภาคเศรษฐกิจทีเดียว แต่ด้วยวลี America First อันโด่งดังที่ทรัมป์หยิบยกมาใช้บ่อยๆ ก็อาจจะประสานความสัมพันธ์ของทั้งสองให้กลับมาแน่นแฟ้นเหมือนเดิมได้ยาก เพราะ ทรัมป์ ต้องให้ความสำคัญกับเรื่องภายในประเทศก่อนอยู่แล้ว แน่นอนว่าประเด็นทะเลจีนใต้ที่เคยได้รับความสนใจในสมัย โอบาม่า ก็ถูกเมินเฉยไป

 

นอกจากนี้ ทรัมป์ยังตัดสินใจพาสหรัฐอเมริกาออกจาก ข้อตกลงหุ้นส่วนยุทธศาสตร์เศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ก็ทำให้เห็นได้อย่างชัดเจนว่าสหรัฐอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์อาจทำให้ความสัมพันธ์ของสองประเทศยิ่งไกลห่าง

 

ด้วยเหตุนี้ สหรัฐอเมริกา-ฟิลิปปินส์ จึงเปรียบเสมือน ‘คนรักเก่า’ ความผูกพันที่ทั้งคู่มีให้กันนั้นก็ยากที่จะตัดให้ขาดลง แต่ขณะเดียวกันก็มีตัวละครใหม่เช่น จีน เข้ามาเสนอในสิ่งที่ฟิลิปินส์ต้องการ เรื่องราวจึงซับซ้อนมากขึ้น

 

และถึงแม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะเปลี่ยนท่าทีของตัวเองใหม่หลัง ทรัมป์ ขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ก็อาจไม่ใช่เรื่องง่ายนัก ที่จะกระชับความสัมพันธ์ให้กลับมาดีดังเดิม เมื่อฟิลิปปินส์เองก็เดินหน้าเชื่อมความสัมพันธ์กับจีนอย่างชัดเจนไปแล้ว ซึ่งสหรัฐอเมริกาก็ดูไม่แคร์เท่าที่ควรด้วย ดังนั้น ความสัมพันธ์ของทั้งสองอาจต้องอาศัยความเข้าใจผ่านการนำของผู้นำประเทศมากๆ ไม่ว่าจะด้วยวิธีรื้อฟื้น ‘ความหลัง’ ครั้งก่อนเก่ามาช่วยประสานรอยร้าว หรือแม้กระทั่งหาประเด็นใหม่ๆ เพื่อพัฒนาความสัมพันธ์ในมิติอื่นๆ ต่อไปก็ตาม

 

บทความโดย พลอยกมล สุวรรณทวิทย์ และ วาสิตา วงศ์วรการ คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

Podcast

บทความที่เกี่ยวข้อง